ตอบคุณ "ไคอยากซะป๊ะ" |
อ่อจะอั้น อ้าว ถ้าเข้าเมล์บ่าใด้นี่แล้วไดใส่ลงไปเล่า หุๆ หลงหื้อเฮาแอด เห่อๆ บ่าเป๋นหยั๋งเอาะ ถามนี่กอใด้แต่มันเป็นกําถามส่วนตั๋วตี่ไคฮู้ กึดว่าถามไปท่าจะบ่ามีไผไคอยากฮู้โตย เอาเนาะ ไคถามว่า 1. แต้ก่อตี่พญามังฮายเกยสั่งยกเลิกฮ้องตั๋วเก่าว่าลาว ตกลงเฮาคือคนลาวแม่นก่อถึงแม้จะฮ้องตั๋วเก่าว่าไตโยน มันก่อแค่บอกว่ามาจากเวียงโยนก 2. เจื้อจ๊าดแต้ๆเฮาเป๋นหยั๋ง เข้าจั๋ยว่าลาวนี่แปลว่ายิ่งใหญ่ ตี่แน่ๆก่อนเวียงโยนกตั้งนี่คนไตนั้นมาจากหลายเผ่า (ก่อคนเลือดเดียวกั๋นแต่ว่าต่างกลุ่มไป) 3. อยากฮู้ว่าสมัยต้นๆตอนเวียงเชียงแสนใด้ก่อตั้งนี่เฮาอ้องตั๋วเก่าว่าได(ไตโยน-ยวนนะฮ้องหลังจากเวียงโยนกใด้แป๋งแล้ว แต่ถามว่าก่อนหน้านั้นเฮาฮ้องตั๋วเก่าว่าหยั๋ง ความจริงแล้วนี่มันก่อน่าจะมีบันทึกใว้ในใบลานหน๋า บ้อมูลตามเวบบ่าก่อยอู้ถึงเลยไคถามผ่อ ส่วนนี่แหม 4. แต้ก่อตี่เกยมีก๋านโดนสั่งเผ่าใบลานจากจาวใต้? ถามบ่าดายบ่าใด้เจิงแขวะอั้นอี้ อดีตก่อคืออดีตแต่เฮาเอามาอู้ใว้เป็นความฮู้จะดูมีค่ากว่าเอามาจัง ปล เฮาละก้าย... 5. จะได ณ เจียงใหม่ หยั๋งมีคนยอมฮับ ณ อื่นๆบ่าหันจะมีคนว่าไดเลย ป้ออุ้ยเฮาเปิ้นก่อ ณ หละปูน เทียบกับ ณ เจียงใหม่ มอกจาวบ้านธรรมดาเลย หุๆก่อบ่าใด้ว่าไดเนาะ เข้าจั๋ยว่าเจียงใหม่มันโด่งดัง คนเจื้อสายนี้ก่อเลยมีหน้ามีต๋ากว่าเปิ้น ณ อื่นๆ ตกลงว่าคุณ “ไคอยากซะป๊ะ” มี 5 คำถามน่อ |
ขอสูมาเต๊อะ ใส่ตั๋วหนังสือใหญ่ล้ำ
1. แต้ก่อตี่พญามังฮายเกยสั่งยกเลิกฮ้องตั๋วเก่าว่าลาว ตกลงเฮาคือคนลาวแม่นก่อถึงแม้จะฮ้องตั๋วเก่าว่าไตโยน มันก่อแค่บอกว่ามาจากเวียงโยนก
บ่เกี่ยวกับลาวที่เป๋นเจื้อจ้าดเลยยยยยยยยยยย
กำว่าลาวที่พญามังรายบ่ใจ๊น่ะมันเป็นกำนำหน้าจื้อตำแหน่ง หัวหน้า หรือ กษัตริย์ ในราชวงศ์ลวจังกราชของเปิ้น โดยองค์แรกเปิ้นจื้อ “ลาวจก” หรือ “ลาวจง” ไล่มาจนถึง “ลาวเม็ง” องค์ที่ 24 ป้อของเปิ้น
เมื่อพญามังรายขึ้นครองราชย์เปิ้นก็ฮ้องตั๋วเก่าว่า “พญา” “พระญา” แทน
กำนี้เป็นภาษามอญยุคกลาง แปลว่ากษัตริย์เหมือนกั๋น แต่ที่พญามังรายเลือกใจ๊
อาจจะเป็นเพราะเปิ้นต้องก๋านยกฐานะของเปิ้น หรือยกระดับเมืองของเปิ้นหื้อดูยิ่งใหญ่ขึ้น
สังเกตได้จากนโยบายขยายอำนาจของเปิ้น ที่ไปข่ม หรือ ตี เมืองอื่นๆมาอยู่ในอำนาจ
หลังสมัยพญามังรายไป กษัตริย์ในล้านนาก็เลยฮ้องกั๋นว่า “พญา”
อย่างที่เฮาหันในตำนาน+เอกสารบ่เก่า+ปั๊กตืน+ปั๊บสา (ลองไปผ่อ)
มีองค์เดียวที่แหกไปใจ๊ “พระเจ้า” ก็คือ “พระเจ้าติโลกราช”
แต้ๆกำว่าพระเจ้านี้เปิ้นใจ๊กับพระพุทธรูป แต่พระเจ้าติโลกราชใคร่หื้อตั๋วเปิ้นมีฐานะเปียงกับ “กษัตริย์อยุธยา”
เปิ้นเลยเลือกใจ๊กำนี้
1. แต้ก่อตี่พญามังฮายเกยสั่งยกเลิกฮ้องตั๋วเก่าว่าลาว ตกลงเฮาคือคนลาวแม่นก่อถึงแม้จะฮ้องตั๋วเก่าว่าไตโยน มันก่อแค่บอกว่ามาจากเวียงโยนก
บ่เกี่ยวกับลาวที่เป๋นเจื้อจ้าดเลยยยยยยยยยยย
กำว่าลาวที่พญามังรายบ่ใจ๊น่ะมันเป็นกำนำหน้าจื้อตำแหน่ง หัวหน้า หรือ กษัตริย์ ในราชวงศ์ลวจังกราชของเปิ้น โดยองค์แรกเปิ้นจื้อ “ลาวจก” หรือ “ลาวจง” ไล่มาจนถึง “ลาวเม็ง” องค์ที่ 24 ป้อของเปิ้น
เมื่อพญามังรายขึ้นครองราชย์เปิ้นก็ฮ้องตั๋วเก่าว่า “พญา” “พระญา” แทน
กำนี้เป็นภาษามอญยุคกลาง แปลว่ากษัตริย์เหมือนกั๋น แต่ที่พญามังรายเลือกใจ๊
อาจจะเป็นเพราะเปิ้นต้องก๋านยกฐานะของเปิ้น หรือยกระดับเมืองของเปิ้นหื้อดูยิ่งใหญ่ขึ้น
สังเกตได้จากนโยบายขยายอำนาจของเปิ้น ที่ไปข่ม หรือ ตี เมืองอื่นๆมาอยู่ในอำนาจ
หลังสมัยพญามังรายไป กษัตริย์ในล้านนาก็เลยฮ้องกั๋นว่า “พญา”
อย่างที่เฮาหันในตำนาน+เอกสารบ่เก่า+ปั๊กตืน+ปั๊บสา (ลองไปผ่อ)
มีองค์เดียวที่แหกไปใจ๊ “พระเจ้า” ก็คือ “พระเจ้าติโลกราช”
แต้ๆกำว่าพระเจ้านี้เปิ้นใจ๊กับพระพุทธรูป แต่พระเจ้าติโลกราชใคร่หื้อตั๋วเปิ้นมีฐานะเปียงกับ “กษัตริย์อยุธยา”
เปิ้นเลยเลือกใจ๊กำนี้
2. เจื้อจ๊าดแต้ๆเฮาเป๋นหยั๋ง เข้าจั๋ยว่าลาวนี่แปลว่ายิ่งใหญ่ ตี่แน่ๆก่อนเวียงโยนกตั้งนี่คนไตนั้นมาจากหลายเผ่า (ก่อคนเลือดเดียวกั๋นแต่ว่าต่างกลุ่มไป)
บ่มีเจื้อจ๊าดไหนบ่ริสุทธิ์ 100% มันจะเกิดก๋านโฮะกั๋นแน่นอน เวลาอู้ถึงเรื่องเจื้อจ๊าด เขาจะบ่ยึดติดที่สายเลือด หรือ DNA น่อ แต่เขาจะผ่อที่วัฒนธรรม คุณจะเป็นไทยวน ยอง ลื้อ หรือเขิน ก็บ่หู้ แต่ถ้าคุณอู้เมืองได้ กินข้าวหนึ้ง จดเหล้าขาว เมินๆไปคุณตึงกลายเป๋นคนเมือง
ผ่ออย่างคนไทเขินที่สันโก้ง กับ ไทใหญ่ (เงี้ยว) ที่สันป่าก่อกะ บ่าเดี่ยวกลายเป็นเมืองเสี้ยง เสาะคนอู้เขินอู้เงี้ยวบ่ได้ละ (เอ่อ ขึนที่สันปูเลย บัวสลี ยังมีคนเฒ่าๆอู้ขึนได้อยู่)
เช่นเดียวกั๋น ในสมัยโยนกก็เป๋นจาอี้ มีตึงลัวะ ยวน ลื้อ เปาะกั๋น ส่วนลาวนี้ตึงมีแน่ๆ แต่มันคงแยกกับ ไท บ่ออก บางเตื้อเขาก็ฮ้อง ลาว ว่า ไทหน้อย ก็มี
ขนาดพญามังรายยังมีมีเป็นลื้อเจียงฮุ่งเลย ขุนเจื๋องปู่หม่อนของพญามังรายก็ตีเมืองไปเรื่อยถึงเมืองแกวเมืองฮ่อ เมียเปิ้นก็มีจ๊าดนัก นี้ยังบ่นับตะห๋านในทัพเน้อ
สรุปว่า ล้านนาจะยึดติดกับวัฒนธรรมไทยวนเป็นใหญ่ ส่วนคนที่ฮับวัฒนธรรมนี้จะมีหลากหลาย โดยมีเจื้อไทยวนเป็นหลัก
หันก่อมันสมานฉันท์กั๋นมาเป๋นปันปี๋แล้ว
บ่มีเจื้อจ๊าดไหนบ่ริสุทธิ์ 100% มันจะเกิดก๋านโฮะกั๋นแน่นอน เวลาอู้ถึงเรื่องเจื้อจ๊าด เขาจะบ่ยึดติดที่สายเลือด หรือ DNA น่อ แต่เขาจะผ่อที่วัฒนธรรม คุณจะเป็นไทยวน ยอง ลื้อ หรือเขิน ก็บ่หู้ แต่ถ้าคุณอู้เมืองได้ กินข้าวหนึ้ง จดเหล้าขาว เมินๆไปคุณตึงกลายเป๋นคนเมือง
ผ่ออย่างคนไทเขินที่สันโก้ง กับ ไทใหญ่ (เงี้ยว) ที่สันป่าก่อกะ บ่าเดี่ยวกลายเป็นเมืองเสี้ยง เสาะคนอู้เขินอู้เงี้ยวบ่ได้ละ (เอ่อ ขึนที่สันปูเลย บัวสลี ยังมีคนเฒ่าๆอู้ขึนได้อยู่)
เช่นเดียวกั๋น ในสมัยโยนกก็เป๋นจาอี้ มีตึงลัวะ ยวน ลื้อ เปาะกั๋น ส่วนลาวนี้ตึงมีแน่ๆ แต่มันคงแยกกับ ไท บ่ออก บางเตื้อเขาก็ฮ้อง ลาว ว่า ไทหน้อย ก็มี
ขนาดพญามังรายยังมีมีเป็นลื้อเจียงฮุ่งเลย ขุนเจื๋องปู่หม่อนของพญามังรายก็ตีเมืองไปเรื่อยถึงเมืองแกวเมืองฮ่อ เมียเปิ้นก็มีจ๊าดนัก นี้ยังบ่นับตะห๋านในทัพเน้อ
สรุปว่า ล้านนาจะยึดติดกับวัฒนธรรมไทยวนเป็นใหญ่ ส่วนคนที่ฮับวัฒนธรรมนี้จะมีหลากหลาย โดยมีเจื้อไทยวนเป็นหลัก
หันก่อมันสมานฉันท์กั๋นมาเป๋นปันปี๋แล้ว
3. อยากฮู้ว่าสมัยต้นๆตอนเวียงเชียงแสนใด้ก่อตั้งนี่เฮาอ้องตั๋วเก่าว่าได(ไตโยน-ยวนนะฮ้องหลังจากเวียงโยนกใด้แป๋งแล้ว แต่ถามว่าก่อนหน้านั้นเฮาฮ้องตั๋วเก่าว่าหยั๋ง
ก๋านที่คนเมืองฮ้องตั๋วเก่าว่าไทยวน บ่ได้เกิดจากก๋านแป๋งเมืองโยนกน่อ แต่กำว่า “ยวน” นี้มีมาเมินแล้ว
ส่วนกำที่ใจ๊ฮ้องตั๋วเก่าก่อนกำว่า “ยวน” นั้น นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ มานุษยวิทยา กำลังหากั๋นอยู่ โดยกำว่า “ไท” มีความเป็นไปได้นักสุด ส่วนกำว่า “ยวน” จะเป็นการจำแนกประเภทว่าเป็น “ไท” หมู่ใด เมืองใด ถิ่นไหน
ลองอ่านบทความตางลุ่มนี้ผ่อ (เป็นภาษากรุงเทพฯน่อ)
คำว่า “โยนก” - “โยน” -- “ยวน” - “ไทยวน”
Ion เป็นกรีกเผ่าหนึ่งที่มีอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
(หนังสือแขกอินเดียโบราณเรียกพระนาม "อเล็กซานเดอร์" มหาราช ว่า "อลิกสุนทร")
เราคงจะคุ้นเคยกันบ้างเกี่ยวกับวรรณคดีเชิงศาสนา …มิลินทปัญหา…
พระเจ้ามิลินท์นั้น ตามประวัติศาสตร์เป็นกษัตริย์เชื้อชาติกรีก
สืบเชื้อสายมาแต่พวกขุนพลของกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราชที่ยกทัพไปถึงอินเดีย
ตีได้แดนอินเดียบางส่วน เมื่อทัพหลวงคือ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ยกกลับกรีซไปแล้ว ก็ให้ขุนพลกรีกของพระองค์อยู่ครองดินแดนที่ยึดได้ใหม่ จึงกลายเป็นต้นตระกูลของพระเจ้ามิลินท์
ที่น่าสนใจคือ พวกชนชาวกรีกในอินเดียพวกนี้ หนังสือไทยหนังสือบาลีเก่าๆ อย่างใน หนังสือ ปัญหาพระยามิลินท์ เรียกว่าพวก "โยนก"
อันเนื่องมาจาก ชาวอินเดียเรียก ไอโอนด้วยสำเนียงตัวเองว่า Yon (โยน) และเพี้ยนไปเป็น Yonaka หรือ Yavana และ Yuan ตามลำดับ
สมัยของพระเจ้าเมนานเดอร์หรือพระยามิลินท์นั้น อยู่หลังพุทธปรินิพพานราวๆ 500 ปี (ประมาณ พ.ศ.500)
*
ในสมัยหลังลงมาอีก เมื่อดินแดนแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รับอารยธรรมทั้งพุทธทั้งพราหมณ์จากอินเดีย ได้อินเดียเป็นครู พวกเราทางนี้ก็ได้เอาชื่อบ้านนามเมืองของอินเดียโบราณมาตั้งชื่อบ้านเมืองเราทางนี้มั่ง จึงมีกรุงศรีอยุธยามาโผล่ที่เมืองไทย เลียนมาจากเมืองอโยธยาของพระราม และมีชื่อสถานที่ทำนองนี้ทั่วไปทั้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาของคนไทย เมืองของคนพม่า ละว้า มอญ เขมรทั้งหลายด้วย
เมื่อคำๆ นี้ถูกส่งต่อมาในประเทศไทย ซึ่งชื่อเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย และกลายเป็นชื่อเรียกตัวเองของชาวเหนือไปว่า …ไท-ยวน ...
ประเด็นนี้น่าสนใจนะ
คำว่า ยวน นี้ เป็นคำถิ่นเดิมที่เรียกตัวเองของชาวเหนือหรือเปล่า ต่อมาชาวเหนือจึงเปลี่ยนสำเนียงให้เป็นภาษาบาลี และไปตรงกับคำว่า โยนก ที่ได้รับรู้จากตำนานในพระพุทธศาสนา จึงนำไปสู่การผูกตำนานต่างๆ ของภาคเหนือและการใช้ชื่อโยนก….
เช่น ตำนานสิงหนวัติ ซึ่งเอ่ยถึงการสร้างเมืองโยนกนาคพันธุ์ ราวๆ พ.ศ.800-900
*
ไทยวน หรือ ไทล้านนา หรือ โยนก
เป็นกลุ่มชนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในดินแดนล้านนามาเป็นเวลานาน มักเรียกตนเองว่า… คนเมือง ..
ชาวไทยวนอาศัยอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน และแพร่ รู้จักในนาม..ล้านนา…
มีภาษาพูดใกล้เคียงกับ พวกไทลื้อและไทเขิน
ปัจจุบันชาวไทยวนรับอิทธิพลของไทยภาคกลาง (สยาม)
ชาวไทยวนมีภาษาพูดภาษาเขียนเป็นเอกลักษณ์ของตน อักษรของชาวไทยวนมีใช้มาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อได้เกณฑ์มาอยู่ที่สระบุรีก็นำเอาอักษรเหล่านั้นมาใช้ด้วย ใช้เขียนลงในสมุดข่อยหรือจารบนใบลาน ชาวไทยวนเรียกอักษรนี้ว่า ..หนังสือยวน ..
เรื่องที่บันทึกลงใบข่อยหรือสมุดไทยมักจะเป็นตำราหมอดู ตำราสมุนไพร เวทมนต์คาถาต่างๆ ส่วนเรื่องที่จารลงใบลานจะเป็นพระธรรมเทศนาเป็นส่วนใหญ่
(คนไทยวนที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โดนกวาดต้อนไปจากเมืองเจียงแสน เมื่อ พ.ศ.2347 หลังก้านสงคราม คนที่หั้นบ่าเดี่ยวก็อู้กำเมืองอยู่ ฮ้องตั๋วเก่าว่า “ไทยวน” แต่บ่าฮ้องตั๋วเก่าว่า “คนเมือง” เพราะกำว่า “คนเมือง” กะหาเกิดสมัยรัชกาลที่ 5 นี้บ่าดาย คนไทยวนในล้านนาใจ๊คำว่า “เมือง” เพื่อเน้นความเป็นท้องถิ่น ส่วนไทยวนที่สระบุรีบ่ได้ใจ๊กำนี้เลย)
ก๋านที่คนเมืองฮ้องตั๋วเก่าว่าไทยวน บ่ได้เกิดจากก๋านแป๋งเมืองโยนกน่อ แต่กำว่า “ยวน” นี้มีมาเมินแล้ว
ส่วนกำที่ใจ๊ฮ้องตั๋วเก่าก่อนกำว่า “ยวน” นั้น นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ มานุษยวิทยา กำลังหากั๋นอยู่ โดยกำว่า “ไท” มีความเป็นไปได้นักสุด ส่วนกำว่า “ยวน” จะเป็นการจำแนกประเภทว่าเป็น “ไท” หมู่ใด เมืองใด ถิ่นไหน
ลองอ่านบทความตางลุ่มนี้ผ่อ (เป็นภาษากรุงเทพฯน่อ)
คำว่า “โยนก” - “โยน” -- “ยวน” - “ไทยวน”
Ion เป็นกรีกเผ่าหนึ่งที่มีอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
(หนังสือแขกอินเดียโบราณเรียกพระนาม "อเล็กซานเดอร์" มหาราช ว่า "อลิกสุนทร")
เราคงจะคุ้นเคยกันบ้างเกี่ยวกับวรรณคดีเชิงศาสนา …มิลินทปัญหา…
พระเจ้ามิลินท์นั้น ตามประวัติศาสตร์เป็นกษัตริย์เชื้อชาติกรีก
สืบเชื้อสายมาแต่พวกขุนพลของกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราชที่ยกทัพไปถึงอินเดีย
ตีได้แดนอินเดียบางส่วน เมื่อทัพหลวงคือ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ยกกลับกรีซไปแล้ว ก็ให้ขุนพลกรีกของพระองค์อยู่ครองดินแดนที่ยึดได้ใหม่ จึงกลายเป็นต้นตระกูลของพระเจ้ามิลินท์
ที่น่าสนใจคือ พวกชนชาวกรีกในอินเดียพวกนี้ หนังสือไทยหนังสือบาลีเก่าๆ อย่างใน หนังสือ ปัญหาพระยามิลินท์ เรียกว่าพวก "โยนก"
อันเนื่องมาจาก ชาวอินเดียเรียก ไอโอนด้วยสำเนียงตัวเองว่า Yon (โยน) และเพี้ยนไปเป็น Yonaka หรือ Yavana และ Yuan ตามลำดับ
สมัยของพระเจ้าเมนานเดอร์หรือพระยามิลินท์นั้น อยู่หลังพุทธปรินิพพานราวๆ 500 ปี (ประมาณ พ.ศ.500)
*
ในสมัยหลังลงมาอีก เมื่อดินแดนแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รับอารยธรรมทั้งพุทธทั้งพราหมณ์จากอินเดีย ได้อินเดียเป็นครู พวกเราทางนี้ก็ได้เอาชื่อบ้านนามเมืองของอินเดียโบราณมาตั้งชื่อบ้านเมืองเราทางนี้มั่ง จึงมีกรุงศรีอยุธยามาโผล่ที่เมืองไทย เลียนมาจากเมืองอโยธยาของพระราม และมีชื่อสถานที่ทำนองนี้ทั่วไปทั้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาของคนไทย เมืองของคนพม่า ละว้า มอญ เขมรทั้งหลายด้วย
เมื่อคำๆ นี้ถูกส่งต่อมาในประเทศไทย ซึ่งชื่อเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย และกลายเป็นชื่อเรียกตัวเองของชาวเหนือไปว่า …ไท-ยวน ...
ประเด็นนี้น่าสนใจนะ
คำว่า ยวน นี้ เป็นคำถิ่นเดิมที่เรียกตัวเองของชาวเหนือหรือเปล่า ต่อมาชาวเหนือจึงเปลี่ยนสำเนียงให้เป็นภาษาบาลี และไปตรงกับคำว่า โยนก ที่ได้รับรู้จากตำนานในพระพุทธศาสนา จึงนำไปสู่การผูกตำนานต่างๆ ของภาคเหนือและการใช้ชื่อโยนก….
เช่น ตำนานสิงหนวัติ ซึ่งเอ่ยถึงการสร้างเมืองโยนกนาคพันธุ์ ราวๆ พ.ศ.800-900
*
ไทยวน หรือ ไทล้านนา หรือ โยนก
เป็นกลุ่มชนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในดินแดนล้านนามาเป็นเวลานาน มักเรียกตนเองว่า… คนเมือง ..
ชาวไทยวนอาศัยอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน และแพร่ รู้จักในนาม..ล้านนา…
มีภาษาพูดใกล้เคียงกับ พวกไทลื้อและไทเขิน
ปัจจุบันชาวไทยวนรับอิทธิพลของไทยภาคกลาง (สยาม)
ชาวไทยวนมีภาษาพูดภาษาเขียนเป็นเอกลักษณ์ของตน อักษรของชาวไทยวนมีใช้มาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อได้เกณฑ์มาอยู่ที่สระบุรีก็นำเอาอักษรเหล่านั้นมาใช้ด้วย ใช้เขียนลงในสมุดข่อยหรือจารบนใบลาน ชาวไทยวนเรียกอักษรนี้ว่า ..หนังสือยวน ..
เรื่องที่บันทึกลงใบข่อยหรือสมุดไทยมักจะเป็นตำราหมอดู ตำราสมุนไพร เวทมนต์คาถาต่างๆ ส่วนเรื่องที่จารลงใบลานจะเป็นพระธรรมเทศนาเป็นส่วนใหญ่
(คนไทยวนที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โดนกวาดต้อนไปจากเมืองเจียงแสน เมื่อ พ.ศ.2347 หลังก้านสงคราม คนที่หั้นบ่าเดี่ยวก็อู้กำเมืองอยู่ ฮ้องตั๋วเก่าว่า “ไทยวน” แต่บ่าฮ้องตั๋วเก่าว่า “คนเมือง” เพราะกำว่า “คนเมือง” กะหาเกิดสมัยรัชกาลที่ 5 นี้บ่าดาย คนไทยวนในล้านนาใจ๊คำว่า “เมือง” เพื่อเน้นความเป็นท้องถิ่น ส่วนไทยวนที่สระบุรีบ่ได้ใจ๊กำนี้เลย)
4. แต้ก่อตี่เกยมีก๋านโดนสั่งเผ่าใบลานจากจาวใต้?
ถามบ่าดายบ่าใด้เจิงแขวะอั้นอี้ อดีตก่อคืออดีตแต่เฮาเอามาอู้ใว้เป็นความฮู้จะดูมีค่ากว่าเอามาจัง
แม่น เกิดนักสมัยจอมพล ป. เปิ้นหันว่าอะหยังที่บ่ใจ้วัฒนธรรมไทยก็เอาไปทำลายหื้อเสี้ยง เจ้น ซออู้ (เขมร) กลองยาว (พม่า) ฯลฯ หมู่นี้โดนห้ามหมด ตั๋วเมืองก็โดน
ส่วนสมัย ร.5-ร.6 เปิ้นบ่กล้าเผา เพราะกั๋วผิดหัวกับคนเมือง แต่เปิ้นจะใจ้วิธีส่งเสริมภาษาไทยกลางในโฮงเฮียนแตน ส่วนตั๋วเมืองบ่ห้าม แต่ก็บ่สนับสนุน นอกจากนี้ก็ไปเน้นความสำคัญของภาษาไทยกลาง เจ้น ไผอยากเป๋นข้าราชก๋านต้องหู้ภาษาไทยกลาง สุดต้าย ละอ่อนคนเมืองก็เลยบ่มีไผเฮียนตั๋วเมืองอย่างที่เฮาหู้ๆกั๋น
5.จะได ณ เจียงใหม่ หยั๋งมีคนยอมฮับ ณ อื่นๆบ่าหันจะมีคนว่าไดเลย ป้ออุ้ยเฮาเปิ้นก่อ ณ หละปูน เทียบกับ ณ เจียงใหม่ มอกจาวบ้านธรรมดาเลย หุๆก่อบ่าใด้ว่าไดเนาะ เข้าจั๋ยว่าเจียงใหม่มันโด่งดัง คนเจื้อสายนี้ก่อเลยมีหน้ามีต๋ากว่าเปิ้น ณ อื่นๆ
สั้นๆง่ายๆ
1. ถึงแต่ละเมืองในสมัย ร.5-ร.6 จะมีอิสระ บ่ขึ้นต่อกั๋น แต่เมืองเจียงใหม่ก็มีภาษีดีกว่า ในฐานะเมืองหลวงของล้านนา คนที่ได้เป๋นเจ้าหลวงเจียงใหม่กับเจื้อสายเลยมีฐานะเป๋น กษัติย์แห่งล้านนา กลายๆ ในสายต๋าคนนอก
2. เจ้านายสายเจียงใหม่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าตางใต้ เจ้น เจ้าศรีอโณจา (น้องเจ้ากาวิละ) ได้แต่งกับกรมบวรฯ (บุญมา-*น้อง ร.1) เจ้าดารารัศมี เปิ้นก็ได้เป๋นพระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ส่วนเจ้าเมืองอื่นๆ เจ้น หละปูน ลำปาง แป้ น่าน บ่มีจาอี้
3. หลังเจ้าเจียงใหม่หมดอำนาจในสมัย ร.6 แล้ว ก็มีการปรับบทบาทได้ดีกว่าเจ้าอื่นๆ เจ้น ไปแป๋ง วค.เจียงใหม่ ไปเล่นก๋านเมือง ตั้งกลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือออกงานต่างๆ อย่างที่เฮาหันในทีวี
ส่วนเจ้าหน้อยๆ ก็อยู่อย่างคนธรรมดาน่อ
ถามบ่าดายบ่าใด้เจิงแขวะอั้นอี้ อดีตก่อคืออดีตแต่เฮาเอามาอู้ใว้เป็นความฮู้จะดูมีค่ากว่าเอามาจัง
แม่น เกิดนักสมัยจอมพล ป. เปิ้นหันว่าอะหยังที่บ่ใจ้วัฒนธรรมไทยก็เอาไปทำลายหื้อเสี้ยง เจ้น ซออู้ (เขมร) กลองยาว (พม่า) ฯลฯ หมู่นี้โดนห้ามหมด ตั๋วเมืองก็โดน
ส่วนสมัย ร.5-ร.6 เปิ้นบ่กล้าเผา เพราะกั๋วผิดหัวกับคนเมือง แต่เปิ้นจะใจ้วิธีส่งเสริมภาษาไทยกลางในโฮงเฮียนแตน ส่วนตั๋วเมืองบ่ห้าม แต่ก็บ่สนับสนุน นอกจากนี้ก็ไปเน้นความสำคัญของภาษาไทยกลาง เจ้น ไผอยากเป๋นข้าราชก๋านต้องหู้ภาษาไทยกลาง สุดต้าย ละอ่อนคนเมืองก็เลยบ่มีไผเฮียนตั๋วเมืองอย่างที่เฮาหู้ๆกั๋น
5.จะได ณ เจียงใหม่ หยั๋งมีคนยอมฮับ ณ อื่นๆบ่าหันจะมีคนว่าไดเลย ป้ออุ้ยเฮาเปิ้นก่อ ณ หละปูน เทียบกับ ณ เจียงใหม่ มอกจาวบ้านธรรมดาเลย หุๆก่อบ่าใด้ว่าไดเนาะ เข้าจั๋ยว่าเจียงใหม่มันโด่งดัง คนเจื้อสายนี้ก่อเลยมีหน้ามีต๋ากว่าเปิ้น ณ อื่นๆ
สั้นๆง่ายๆ
1. ถึงแต่ละเมืองในสมัย ร.5-ร.6 จะมีอิสระ บ่ขึ้นต่อกั๋น แต่เมืองเจียงใหม่ก็มีภาษีดีกว่า ในฐานะเมืองหลวงของล้านนา คนที่ได้เป๋นเจ้าหลวงเจียงใหม่กับเจื้อสายเลยมีฐานะเป๋น กษัติย์แห่งล้านนา กลายๆ ในสายต๋าคนนอก
2. เจ้านายสายเจียงใหม่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าตางใต้ เจ้น เจ้าศรีอโณจา (น้องเจ้ากาวิละ) ได้แต่งกับกรมบวรฯ (บุญมา-*น้อง ร.1) เจ้าดารารัศมี เปิ้นก็ได้เป๋นพระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ส่วนเจ้าเมืองอื่นๆ เจ้น หละปูน ลำปาง แป้ น่าน บ่มีจาอี้
3. หลังเจ้าเจียงใหม่หมดอำนาจในสมัย ร.6 แล้ว ก็มีการปรับบทบาทได้ดีกว่าเจ้าอื่นๆ เจ้น ไปแป๋ง วค.เจียงใหม่ ไปเล่นก๋านเมือง ตั้งกลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือออกงานต่างๆ อย่างที่เฮาหันในทีวี
ส่วนเจ้าหน้อยๆ ก็อยู่อย่างคนธรรมดาน่อ
เป๋นดีสะดุ้งโย่ง เปิดมาตั๋วใหญ่แดงปึงลื้ง
นี่เน้อ แผ่นที่ ของคนอู้ภาษาไตกาได เฮาอยู่ในหมวด ตะวันตกเฉียงใต้ SW (south west)
ตอบ1
อืมเข้าใจแล้วพอปีไปปะกําตอบละก่อนหน้าตี่เจียงฮายพันธุ์แต้จะตอบ อย่างตามตี่บอกมานะ
ตอบ2 กับ ตอบ 3
เฮาท่าจะหมายความผิด น่าจะเจื้อสายท่าจะดี ตอบมายังบ่าตรงกับตี่ถามเพราะตี่ถามนี่มันเกี่ยวกับเส้นทางอพยพของคนไตเนี่ยถ้าเฮาเจิงจะอ้างอิงพงสวดานโยนกของเจ้าสิงหนวัติเหมือนดูว่าเฮาลุกต่างตะวันออกมา นะต่างเบียนดาฟูของเวียดนาม อยากฮู้ตั๊ดเนี่ยว่าคนไตตี่ลุกต่างนี้มามันมีกี่กลุ่มแต้ชัดเจ็นมอกได เกยอ่านหน๋าว่าไตยวนเนี่ยใกล้อาจจะเป๋นไตขาวตี่เวียดนาม แล้วถ้าลุกต่างปู้นมาน่าเป๋นตี่แปลกใจว่าเมืองลาวซึ่งอยู่ใกล้ติดกับเวียดนามเนี่ย ถ้าคนบ้านเฮาเลาะมาต่างเบียนดาฟู เฮาต้องผ่านต่างเหนือของลาว จะอั้นยะหื้อหันว่าเป็นไปใด้ก่อตี่คนไตยวนจะเป็นหมู่เดียวกลุ่มเดียวตี่ใกล้ชิดกับคนลาว ถ้าเป็นอั้นอย่างไดนะเขาถึงฮ้องตั๋วเก่าว่าลาวแล้วจะไดเฮาบ่าฮ้องตั๋วเก่าว่าลาว กะว่าตี่บ่าใด้ฮ้องจะอี้เพราะฌอาบ่าใจ่เผ่าเดียวกับเขา แม้ว่าจะเลือกไตแบบเดียวกัน แค่คนละกลุ่ม ตัวอย่าง อย่างไตเงี้ยว ไตลื้อ ไตยอง ไตเขิน ต่างก่อกลุ่มเดียวกันแต่คนละจื่อไป?
โอกาสตี่จะใจ่มันเป็นไปใด้สูงเนื่องจากนักสืบประวัตินี่เปิ้นตีแผ่นที่เส้นทางโยกย้ายของคนไต บ้านเกิดของคนไตทั้งหมดอยู่ตี่เมืองจีน เมือง Guandong กับ Guangxi
อันนี้ต่างนักศึกษาประวัติเปิ้นใด้สืบหาแล้วว่าคนไตเนี่ยเป๋นจาวพื้นเมืองตอนใต้ของจีน บ้านเกิดเฮาอยู่ตี่นั้นตั้งแต่ 5000 ตี่ผ่านมา และเฮาเป๋นหนึ่งในกลุ่มชนชาติเก่าแก่ตี่คนจีนฮ้องว่า Bai Yue ก่อนจะเป็นไตนี่ สืบว่าเป็น Daic มาก่อนตี่จะแยกกันไปเป๋น Zhuang, Dong, Li, Shan, Dai, Lao, Thai ในวันนี้ สมัยนี้ปี่น้องเฮาต่างเมืองจีนโดยเฉพาะคนตี่ใด้อ่านก๋านค้นคว้าถึงตี่มาของคนไต เขาฮู้ว่าเฮาเนี่ยลุกไหนมาผ่อง แต่เฮาฮู้แต่เพียงว่าเฮาเป๋นคนไตลุกมาต่างยุนนาน ก่อใจ่หน๋า แต่บ่าจั๋ยในตอนต้นๆ (ราวๆ2000ปีตี่แล้ว) แค่ช่วงเก็บผ้าใส่ซ้าเก็บข้าในเมืองเนี่ย
เต่าตี่ฮู้บ่าจัยอยู่ดีๆแล้วมามีเป๋นเขินเป๋นยองลื้อย่างเดียว กลุ่มใหญ่ต่างล้านนาตี่บ่าจัยไตโหลงเนี่ย แต้จริงแล้วฮ้องตัวเก่าดั้งเดิบว่าได เฮาบ่าเจื่อว่าจะฮ้องตั๋วเก่าว่าโยน ยวน โยนก นั่นท่าจะใด้จากคนอื่นเปิ้นฮ้องมา คนไปๆมาเฮาเลยฮับกํานี้มาแตนตั๋วเก่า ผ่ออย่างคนสยามฮั้น ลุกไหนมากําว่าสยาม กํานี่เขาเองยังบ่าใด้ฮ้องตั๋วเก่าจะอั้นแต่เป๋นกําตี่คนอื่นหื้อมาถึงฮ้องไปตามนั้น ท่าจะแบบเดียวกับกําว่ายวน โยน โยนกเนี่ย
เอาง่ายเป๋นว่าตั้งแต่เมินตั้งแต่ก่อนคนไตจะย้ายลงมาสุวรรณภูมิเนี่ย เฮาฮ้องตั๋วเก่าตึงหมดว่าไต แต่คนลาวเนี่ยจะไดฮ้องว่าลาวตลอด อันนี้ก่อไค่ฮู้ ว่ายะได กะว่าคนจีนตั้งหื้อเขา เขาเลยฮับฮ้องมาจนวันนี้ แต่กําว่าไตนี่สะท้อนมาจากถิ่นตี่เกิด อย่างไตยองจากเมืองยอง ไตเขินจากเมืองเขิน ก่อจะมีก่าไตใหญ่อะก้าตี่ยังบ่าบอกชัดเจ่นถึงสถานที่ เฮาอู้หน๋าว่าไตโหลงก่อคือไตเขินยองลื้อเงี้ยวร่วมกันนั่นเนาะ
ใด้อ่านจาวลาวก่อใจ้ไตเหมือนกั๋น ถ้าเขาถามกั๋นเขาจะถามว่า เจ้าไตบ้านได เช่น ไตเมืองหลวง ก่อแนวว่า ไตลุกเมืองหลวงพระบาง แต่ยังไดๆเขาก็ยังฮ้องตัวเก่าว่าลาว มันชักเจนแหล่งตี่มาของเขา แต่เนี่ยแหล่งตี่มาของไตยวนยังบ่าชัดเจน
เจียงฮายพันธุ์แต้ยังอู้บ่าจั๋ยกะว่าเปิ้นยังเสาะหาถึงกําว่ายวนนี่บ่าใด้อยู่ แค่พาดพิงถึงแหล่งบางแหล่งแต่มันบ่าแน่ชัดอยู่ดี แปลว่ากํานี้เฮาใด้จากคนอื่นมา เฮาท่าจะฮ้องตั๋วเก่าว่าไต/ไท เต่าอั้น
เนี่ยละคือตี่เฮายังก่าจั๋ยอยู่
ตอบ4
อืม ใด้ยืนยันละฮู้สึกหายข้องจั๋ย
ตี่สั่งเผ่านี่เน้นบางอย่างก่อ กะว่าสั่งเผ่าหมด แล้วมีแต้ก่อตี่บางเตื่องมีก๋านสั่งตุ๊เจ้าเขียนประวัติบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์สยาม? เหมือนเกยอ่าน แต่ยังบ่าแน่จั๋ย
ตอบ5
ความจริงแล้วบ่าใด้แคร์หยั๋งอะ อู้ลอยๆ แต่ก่อยินดีเน้อตี่บอก
ส่วนตัวแล้วเจ้าก่อคือคนธรรมดาแบบเฮา เพียงแต่มีอํานาจบ่าดาย
ป.ล อยากหื้อคนเมืองสืบค้นความเป็นมา เส้นต่างโยกย้ายของเฮาโตย บ่าจัยก่าอยู่มอกแค่ยุคล้านนาอย่างเดียว ถ้าปี่น้องเฮาใด้ฮู้ถึงบรรพบุรุษเฮาเมื่อ 5000 ปี่ก่อนนี่จะต้องทึ่ง ไหนจะปี่น้องเฮาตี่อู้ภาษาเดียวกั๋นตึงเลือดเดียวกันตี่มีบรรพบุรุษเดียวกั๋นมาก่อน
อืม ใด้ยืนยันละฮู้สึกหายข้องจั๋ย
ตี่สั่งเผ่านี่เน้นบางอย่างก่อ กะว่าสั่งเผ่าหมด แล้วมีแต้ก่อตี่บางเตื่องมีก๋านสั่งตุ๊เจ้าเขียนประวัติบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์สยาม? เหมือนเกยอ่าน แต่ยังบ่าแน่จั๋ย
ตอบ5
ความจริงแล้วบ่าใด้แคร์หยั๋งอะ อู้ลอยๆ แต่ก่อยินดีเน้อตี่บอก
ส่วนตัวแล้วเจ้าก่อคือคนธรรมดาแบบเฮา เพียงแต่มีอํานาจบ่าดาย
ป.ล อยากหื้อคนเมืองสืบค้นความเป็นมา เส้นต่างโยกย้ายของเฮาโตย บ่าจัยก่าอยู่มอกแค่ยุคล้านนาอย่างเดียว ถ้าปี่น้องเฮาใด้ฮู้ถึงบรรพบุรุษเฮาเมื่อ 5000 ปี่ก่อนนี่จะต้องทึ่ง ไหนจะปี่น้องเฮาตี่อู้ภาษาเดียวกั๋นตึงเลือดเดียวกันตี่มีบรรพบุรุษเดียวกั๋นมาก่อน
|
ลองอ่านผ่อว่าคนลาวฮับฮู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตั๋วเก่าจาใด
จ้าดนิยมอย่างแฮง
อ่านแล้วเหมือนเกยหันที่ไหนก่อ
ภาคที่ ๑
การกำเนิดขึ้นของชาติลาว
ผู้เขียน : ดร.พูทอง แสงอาคม
ถอดความเป็นภาษาไทย : รัตนาดิศร
ต้นกำเนิด (รากเหง้า) ของชาติลาว และอาณาจักรเดิมของลาว
ชาติลาวเราเป็นชาติหนึ่งที่เก่าแก่ ได้ถือกำเนิดขึ้นร่วมกับชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย เช่น มองโกล จีน อินเดีย พม่า เวียดนาม กัมพูชา และไทย เป็นต้น ได้ขยายตัวไปตามการเคลื่อนไหวของธรรมชาติและการเคลื่อนย้ายของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ บางยุคสมัยก็ได้รวมเข้ากัน บางยุคสมัยก็แยกออกจากกันเป็นหลายชนเผ่า ด้วยการแย่งชิงอำนาจ แผ่ขยายอาณาเขต เพื่อการคงตัวและขยายตัวของสังคมมนุษย์นั้นเอง
ในยุคสมัยดึกดำบรรพ์ ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการอันยาวนาน จากการออกแรงงานของฝูงลิง ค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมาเป็นการเดินสองขา ฝูงลิงดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นบนโลกนี้อยู่หลายแห่ง ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าเห็นปรากฏอยู่ในเขตภูเขาอัลไต (ในเขตมองโกเลีย) เมื่อมาถึงยุคหิน มนุษย์ใช้หินเป็นเครื่องมือในการผลิต ก็ได้เคลื่อยย้ายออกไปทำมาหากิน ในกลุ่มมนุษย์ที่ได้เกิดขึ้นในแถบภูเขาอัลไตนั้นได้แตกออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกเคลื่อนย้ายขึ้นไปทางเหนือ กลายเป็นชาติมองโกล กลุ่มที่สองเคลื่อนย้ายไปทางทิศตะวันออก ได้กลายเป็นชาติจีนมาจนเท่าทุกวันนี้ ต่อมาแยกออกเป็นหลายชาติ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มที่สามได้เคลื่อนย้ายอพยพลงมาทางทิศใต้ กลายเป็นคนลาว พม่า เวียดนาม ไทย และยังคงตกค้างอยู่ในประเทศจีนอีกจำนวนหนึ่ง
ตามตำนานและเอกสารต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ เผ่าคนลาวได้เคลื่อนย้ายลงมาตามทิศแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียง พร้อมทั้งตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเพื่อทำมาหากิน และพัฒนาขึ้นเป็นตัวเมืองต่างๆ ตามลุ่มแม่น้ำเพื่อความสะดวกในการคมนาคม เมืองที่เป็นที่รู้จักมากกว่าเมืองอื่น คือ เมืองลุง เมืองปา และเมืองเงี้ยว
ในยุคสมัยนั้น พวกจีนเรียกเราว่า มุง ประเทศจีนได้สร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับลาวเราที่นครปา นครลุง และนครเงี้ยว ต่อจากนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายลงมาทางทิศใต้เรื่อยมา และได้สร้างเมืองขึ้นอีกหลายเมือง มีเมืองใหญ่ คือ เมืองเสฉวน เมืองเพงาย คนจีนเคยเรียกคนลาวเราว่า ไต ไท้ ไท ลื้อ ลัวะ ละว้า ชื่อดังกล่าวแตกต่างกันไปตามสำเนียงของเผ่าจีนที่เคยอยู่ใกล้เคียงกับลาว
การตั้งถิ่นฐานของคนลาว ได้กลายเป็นอาณาเขตที่กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ และได้รวมกันเข้าเป็นกำลังที่เข้มแข็ง มีการปกครองที่มั่นคง เผ่าลาวได้แต่งตั้งผู้ปกครองของตนขึ้น เพื่อบริหารบ้านเมือง ผู้ปกครองคนแรกมีชื่อว่า ขุนเมือง (ขุนเม็ง) จากนั้นเป็น ขุนวังเมือง ขุนวังหลวงลี่เมา และขุนไจลาว ผู้ปกครองเหล่านั้นได้ปกครองนครเพงายซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของกลุ่มคนลาว การสร้างถิ่นฐานของคนลาวอยู่นครปา นครลุง นครเสฉวน และนครเพงายได้คงตัวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดมีศึกสงครามอย่างต่อเนื่อง การรบระหว่างเผ่ามองโกลกับเผ่าจีน และการรบระหว่างเผ่าจีนด้วยกันเอง ได้ส่งผลกระทบมาถึงเผ่าลาว ชาติลาวเราจึงต้องสูญเสียดินแดนของตนให้แก่จีนแล้วอพยพลงมาทางทิศใต้ และได้สร้างเมืองขึ้นในช่วง ค.ศ. ๗๙ คนจีนเคยเรียกคนลาวหนองแสในเวลานั้นว่า ตาลีฟู ปัจจุบันได้กลายมาเป็นเมืองคุนหมิง ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน นอกจากนครหนองแสแล้ว คนลาวเรายังได้สร้างเมืองขึ้นอีกหลายเมืองในเขตดังกล่าว เช่น เมืองมุ่งซุย เมืองเอี้ยแซ เมืองล่างกง เมืองเท่งเซี้ยง เมืองซีล่ง และเมืองม่งเส อาณาจักรหนองแสได้คงตัวและขยายตัวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง กลายมาเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาติลาวเรามาจนเท่าทุกวันนี้ เช่น การเลี้ยงไหม ทอผ้า บายสี (สู่ขวัญ) การกราบไหว้ การสู่ขอ (แต่งงาน) และอื่นๆ
อาณาจักรหนองแสในเวลานั้นเจริญรุ่งเรือง มีอาณาเขตกว้างขวาง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และทั้งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ด้วยเหตุนั้นพวกศักดินาของจีนจึงหมายตาและทำศึกสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวอยู่เป็นประจำ แต่ด้วยการต่อสู้ของเผ่าลาวอันเก่งกล้า สามารถปกป้องอาณาเขตของตนไว้ได้หลายครั้ง ครั้งสำคัญนั้นคือสมัยของพระเจ้าแผ่นดินจีนนามว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้สร้างกำแพงเมืองจีน ได้ยกทัพเข้าตีอาณาจักรหนองแส กระทั่งลาวหนองแสตกเป็นเมืองขึ้นของจีนในระยะหนึ่ง
จากนั้นมาเป็นเวลาที่ประเทศจีนแตกออกเป็นสามก๊ก คือ โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน พวกเขาได้ต่อสู้ขับเขี้ยวกันอย่างดุเดือด อาณาจักรลาวหนองแสได้โอกาสก็ประกาศแยกตัวออกจากพวกจีน แล้วปรับปรุงตัวขึ้นอย่างเข้มแข็ง
มาถึง ค.ศ. ๒๒๕ พวกเล่าปี่ยกทัพลงมาตีหนองแส บัญชาการโดยแม่ทัพขงเบ้ง ผู้เชี่ยวชาญการศึกสงคราม ประชาชนชาวหนองแสทำการต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อรักษาอาณาเขตของตน แต่ผลสุดท้ายก็ถูกพวกจีนยึดได้ ด้วยเหตุนี้ชาวลาวจึงอพยพลงมาทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ พวกที่ยังเหลือก็กลายมาเป็นชนชาติจีนจนเท่าทุกวันนี้
ผู้ปกครองคนลาวในอาณาจักรหนองแส ที่ปรากฏในตำนาน หนังสือโบราณ และพงศาวดารต่างๆ คือ เจ้าสีนุโล เป็นผู้ปกครองคนแรก จากนั้นมาหลายร้อยปีจึงปรากฏชื่อ เจ้าสีหะนะละ ขึ้นปกครอง เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ก็มีลูกหลานเชื้อพระวงศ์ขึ้นปกครองแทนถึงสามพระองค์ จึงมาถึงรัชสมัยขุนบูลม (ขุนบรม) ราชาธิราช
จ้าดนิยมอย่างแฮง
อ่านแล้วเหมือนเกยหันที่ไหนก่อ
ภาคที่ ๑
การกำเนิดขึ้นของชาติลาว
ผู้เขียน : ดร.พูทอง แสงอาคม
ถอดความเป็นภาษาไทย : รัตนาดิศร
ต้นกำเนิด (รากเหง้า) ของชาติลาว และอาณาจักรเดิมของลาว
ชาติลาวเราเป็นชาติหนึ่งที่เก่าแก่ ได้ถือกำเนิดขึ้นร่วมกับชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย เช่น มองโกล จีน อินเดีย พม่า เวียดนาม กัมพูชา และไทย เป็นต้น ได้ขยายตัวไปตามการเคลื่อนไหวของธรรมชาติและการเคลื่อนย้ายของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ บางยุคสมัยก็ได้รวมเข้ากัน บางยุคสมัยก็แยกออกจากกันเป็นหลายชนเผ่า ด้วยการแย่งชิงอำนาจ แผ่ขยายอาณาเขต เพื่อการคงตัวและขยายตัวของสังคมมนุษย์นั้นเอง
ในยุคสมัยดึกดำบรรพ์ ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการอันยาวนาน จากการออกแรงงานของฝูงลิง ค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมาเป็นการเดินสองขา ฝูงลิงดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นบนโลกนี้อยู่หลายแห่ง ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าเห็นปรากฏอยู่ในเขตภูเขาอัลไต (ในเขตมองโกเลีย) เมื่อมาถึงยุคหิน มนุษย์ใช้หินเป็นเครื่องมือในการผลิต ก็ได้เคลื่อยย้ายออกไปทำมาหากิน ในกลุ่มมนุษย์ที่ได้เกิดขึ้นในแถบภูเขาอัลไตนั้นได้แตกออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกเคลื่อนย้ายขึ้นไปทางเหนือ กลายเป็นชาติมองโกล กลุ่มที่สองเคลื่อนย้ายไปทางทิศตะวันออก ได้กลายเป็นชาติจีนมาจนเท่าทุกวันนี้ ต่อมาแยกออกเป็นหลายชาติ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มที่สามได้เคลื่อนย้ายอพยพลงมาทางทิศใต้ กลายเป็นคนลาว พม่า เวียดนาม ไทย และยังคงตกค้างอยู่ในประเทศจีนอีกจำนวนหนึ่ง
ตามตำนานและเอกสารต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ เผ่าคนลาวได้เคลื่อนย้ายลงมาตามทิศแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียง พร้อมทั้งตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเพื่อทำมาหากิน และพัฒนาขึ้นเป็นตัวเมืองต่างๆ ตามลุ่มแม่น้ำเพื่อความสะดวกในการคมนาคม เมืองที่เป็นที่รู้จักมากกว่าเมืองอื่น คือ เมืองลุง เมืองปา และเมืองเงี้ยว
ในยุคสมัยนั้น พวกจีนเรียกเราว่า มุง ประเทศจีนได้สร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับลาวเราที่นครปา นครลุง และนครเงี้ยว ต่อจากนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายลงมาทางทิศใต้เรื่อยมา และได้สร้างเมืองขึ้นอีกหลายเมือง มีเมืองใหญ่ คือ เมืองเสฉวน เมืองเพงาย คนจีนเคยเรียกคนลาวเราว่า ไต ไท้ ไท ลื้อ ลัวะ ละว้า ชื่อดังกล่าวแตกต่างกันไปตามสำเนียงของเผ่าจีนที่เคยอยู่ใกล้เคียงกับลาว
การตั้งถิ่นฐานของคนลาว ได้กลายเป็นอาณาเขตที่กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ และได้รวมกันเข้าเป็นกำลังที่เข้มแข็ง มีการปกครองที่มั่นคง เผ่าลาวได้แต่งตั้งผู้ปกครองของตนขึ้น เพื่อบริหารบ้านเมือง ผู้ปกครองคนแรกมีชื่อว่า ขุนเมือง (ขุนเม็ง) จากนั้นเป็น ขุนวังเมือง ขุนวังหลวงลี่เมา และขุนไจลาว ผู้ปกครองเหล่านั้นได้ปกครองนครเพงายซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของกลุ่มคนลาว การสร้างถิ่นฐานของคนลาวอยู่นครปา นครลุง นครเสฉวน และนครเพงายได้คงตัวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดมีศึกสงครามอย่างต่อเนื่อง การรบระหว่างเผ่ามองโกลกับเผ่าจีน และการรบระหว่างเผ่าจีนด้วยกันเอง ได้ส่งผลกระทบมาถึงเผ่าลาว ชาติลาวเราจึงต้องสูญเสียดินแดนของตนให้แก่จีนแล้วอพยพลงมาทางทิศใต้ และได้สร้างเมืองขึ้นในช่วง ค.ศ. ๗๙ คนจีนเคยเรียกคนลาวหนองแสในเวลานั้นว่า ตาลีฟู ปัจจุบันได้กลายมาเป็นเมืองคุนหมิง ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน นอกจากนครหนองแสแล้ว คนลาวเรายังได้สร้างเมืองขึ้นอีกหลายเมืองในเขตดังกล่าว เช่น เมืองมุ่งซุย เมืองเอี้ยแซ เมืองล่างกง เมืองเท่งเซี้ยง เมืองซีล่ง และเมืองม่งเส อาณาจักรหนองแสได้คงตัวและขยายตัวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง กลายมาเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาติลาวเรามาจนเท่าทุกวันนี้ เช่น การเลี้ยงไหม ทอผ้า บายสี (สู่ขวัญ) การกราบไหว้ การสู่ขอ (แต่งงาน) และอื่นๆ
อาณาจักรหนองแสในเวลานั้นเจริญรุ่งเรือง มีอาณาเขตกว้างขวาง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และทั้งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ด้วยเหตุนั้นพวกศักดินาของจีนจึงหมายตาและทำศึกสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวอยู่เป็นประจำ แต่ด้วยการต่อสู้ของเผ่าลาวอันเก่งกล้า สามารถปกป้องอาณาเขตของตนไว้ได้หลายครั้ง ครั้งสำคัญนั้นคือสมัยของพระเจ้าแผ่นดินจีนนามว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้สร้างกำแพงเมืองจีน ได้ยกทัพเข้าตีอาณาจักรหนองแส กระทั่งลาวหนองแสตกเป็นเมืองขึ้นของจีนในระยะหนึ่ง
จากนั้นมาเป็นเวลาที่ประเทศจีนแตกออกเป็นสามก๊ก คือ โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน พวกเขาได้ต่อสู้ขับเขี้ยวกันอย่างดุเดือด อาณาจักรลาวหนองแสได้โอกาสก็ประกาศแยกตัวออกจากพวกจีน แล้วปรับปรุงตัวขึ้นอย่างเข้มแข็ง
มาถึง ค.ศ. ๒๒๕ พวกเล่าปี่ยกทัพลงมาตีหนองแส บัญชาการโดยแม่ทัพขงเบ้ง ผู้เชี่ยวชาญการศึกสงคราม ประชาชนชาวหนองแสทำการต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อรักษาอาณาเขตของตน แต่ผลสุดท้ายก็ถูกพวกจีนยึดได้ ด้วยเหตุนี้ชาวลาวจึงอพยพลงมาทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ พวกที่ยังเหลือก็กลายมาเป็นชนชาติจีนจนเท่าทุกวันนี้
ผู้ปกครองคนลาวในอาณาจักรหนองแส ที่ปรากฏในตำนาน หนังสือโบราณ และพงศาวดารต่างๆ คือ เจ้าสีนุโล เป็นผู้ปกครองคนแรก จากนั้นมาหลายร้อยปีจึงปรากฏชื่อ เจ้าสีหะนะละ ขึ้นปกครอง เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ก็มีลูกหลานเชื้อพระวงศ์ขึ้นปกครองแทนถึงสามพระองค์ จึงมาถึงรัชสมัยขุนบูลม (ขุนบรม) ราชาธิราช
เรื่องเจื้อจ๊าดเนี่ย เป๋นปัญหาโลกแตกเลยหนาครับ
เหมือนกับคำถามที่ว่า คน “ไทย” ลุกไหนมา
มีคนหื้อสมมุติฐานไว้สะป๊ะ จนถึงบ่าเดียวนี้ก็ 50 ปีแล้ว
มันยังสรุปกั๋นบ่ได้
เช่นเดียวกับเรื่อง ไท, ยวน, ลาว รวมไปถึง ลื้อ ขึน ยอง
ถ้าตั้งกำถามละก็ได้จ๊าดนัก เช่น
จาใดถึงฮ้องว่า “ยวน”
จาใดถึงฮ้องว่า “ลาว”
จาใดถึงฮ้องว่า “ลื้อ”
จาใดถึงฮ้องว่า “ขืน”
จาใดตะก่อนถึงฮ้องคนน่านว่า “กาว”
จาใดถึงฮ้องว่า “ยอง” แล้วชื่อเมือง “ยอง” ลุกไหนมา
ตึกอาละมันก็บ่ต่างจากกำถามที่ว่า
จาใดเฮาถึงฮ้องแมงนี้ว่า “ไก่” “หมู” “หมา” ฮั้นแล
แต่กู่อย่างมันตึงมีที่มา ขึ้นอยู่กับว่าเฮาลืมมันไปแล้วละยัง
บ่าเดียวนี้ ในกำดึดของคน “ลาว” แต้ๆที่เวียงจันทน์กับหลวงพระบาง เขาถือว่าตั๋วเก่าเป๋น “ลาว” บ่ใช่ “ไท”
ตะก๋อน 1,000 ปี๋ก่อน เขาอาจจะฮ้องตั๋วเก่าว่า “ไท” ก็ได้ ไผจะไปหู้
หรืออาจจะฮ้องว่า “ลาว” มาตั้งแต่ตอนนั้นเลยก็ได้ ก็บ่มีไผพิสูจน์ได้
แต่ถ้าไปถามนักประวัติศาสตร์คนลาวบ่าเดียวนี้ แกจะบอกว่าแกฮ้องตั๋วเก่าว่า “ลาว” มาเป๋นจ๊าดแล้ว
ถ้าอ้างอิงกำอู้ของจิตร ภูมิศักดิ์ ในหนังสือ "ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย, ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ"
ไทยภาคกลางสมัยโบราณเหมาเอาชาวล้านนาเป็นลาวตามชาวล้านช้างไปหมด. ซ้ำเหมาเอาพวกผู้ไทในเขตสิบสองผู้ไท (สิบสองจุไท) เป็นลาวไปด้วย (ลาวโส้ง) ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า ไท หรือ ผู้ไท
ชนชาติที่ถือตนและเรียกตนอย่างภาคภูมิใจว่า ลาว นั้นคือชาวล้านช้าง (หลวงพระบาง-เวียงจันทน์-จำปาศักดิ์)
นอกจากจะถือตนว่าเป็นลาวแล้ว ยังปฏิเสธไม่ยอมรับว่า ผู้ไท เป็นลาว, ถือว่าเป็นพวกไท
(ขอให้สังเกตในข่าวของลาวจะเรียกพวกทหารพวกหนึ่งว่า ไทดำ (ผู้ไทดำ) เสมอ
ไม่เรียกว่า ลาวโส้งดำ เลย) และถือว่าชาวล้านนาเป็น ไทยวน, ไม่ใช่ลาว
ที่เรียกว่า ลาวยวน, ลาวโส้ง เป็นชื่อที่ไทยอยุธยาเรียกเอาเอง, ผู้ถูกเรียกก็ไม่ยอมรับ, ชาวลาวเองก็ไม่ยอมรับเอาไว้เป็นพวก
บ่าเดียวนี้ คนลาวจะบ่ยอมฮับว่าตั๋วเก่าเป๋นชาติพันธุ์เดียวกับไทเลย ถึงเฮาจะอ้างเรื่องภาษา วัฒนธรรมที่คล้ายๆกั๋น
เขาก็บ่ยอมฮับ
เรื่องที่จาใดคนลาวถึงฮ้องตั๋วเก่าว่าคน “ลาว” เนี่ย สีท่ามันจะเป๋นก๋านตี๋ความทางภาษาที่บ่เหมือนกั๋น
พวกคนใต้ใจ๊กำว่า “ลาว” กับ ล้านนา แล ล้านจ๊าง อย่างจ้าก็สมัยอยุธยา เพื่อจำแนกหมู่เขาหมู่เฮา
ไผบ่ใช่คนใต้มันฮ้องลาว ในเชิงดูถูก ความหมายของกำว่าลาวเริ่มเปลี่ยนไปละ
แต่ในช่วงเดียวกั๋น คนเวียงจันทน์+หลวงพระบาง+จำปาศักดิ์ กำว่า “ลาว” นี้ สำหรับเขามีควาหมายในแง่ดี
ถึงจะโดนฮ้องว่า “ลาว” เขาก็บ่ได้หู้สึกหยัง เวลาล่วงมาเถิงบ่าเดียว คนล้านจ๊างก็เลยฮ้องตั๋วเก่าว่า “ลาว”
จนลืมไปว่าเป๋นชื่อที่คนอื่น “ใส่หื้อ” แล้วก็บ่ยอมฮับตวยว่าคนอื่น “ใส่หื้อ”
โดยอ้างว่า “เฮาฮ้องตั๋วเก่าว่าลาวตั้งแต่มีซ้าด”
เออ... ก็เหมือนกับกำว่า “ไท”
บ่แน่กำนี้อาจจะมีคยใส่หื้อเฮาก็ได้ เพราะในคำจีนเปิ้นก็ฮ้องหมู่นี้ว่า “ไท” (Dai) ถึงตะก่อนจะมีแหมหลายกำก็เตอะ
กำว่า “ยวน” ก็เหมือนกั๋น อันนี้คนอื่นก็ตั้งหื้ออย่างที่หู้ๆ
จิตร ภูมิศักดิ์เขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวกับที่อ้างไว้ข้างบน เกี่ยวกับ คนเมือง, โยน, ยวน และโยนก ดังนี้
คำว่า ยวน หรือ โยน นี้ชาวภาคเหนือไม่เรียกตัวเอง เขาเรียกตนเองว่า คนเมือง. คำว่า ยวน-โยน เป็นคำที่คนอื่นเรียก.
โยนก ในรูปศัพท์บาลี ก ท้ายคำนั้นแปลว่า ชาว, โยนก จึงหมายถึง ชาวโยน, พวกไตลื้อสิบสองปันนาเรียกชาวล้านนาว่า ไตโยน หรือ ไตยน, เช่น โยนเจงใหม่ (โยนเชียงใหม่), โยนละกอน (โยนลำปาง, ชื่อเก่าของเมืองลำปางว่า ละกอน) เป็นต้น. แต่สระโอของภาษาไทยพายัพและไตลื้อนั้น สำเนียงลาวและไทยกลางเป็น อัว, เช่น หมากโม่ง ไทยว่า มะม่วง ฯลฯ คำว่า โยน จึงเป็นไทยกลางและลาวว่า "ยวน"
ยวน เป็นคำไทยภาคกลางที่เรียกชาวล้านนามาแต่ดั้งเดิมก่อนคำอื่น. "ลิลิตยวนพ่าย" ซึ่งแต่งเมื่อสมัยอยุธยาตอนต้นเล่าถึงการรบกับเชียงใหม่, เรียกไทยล้านนาว่า ยวน. ยวนพ่าย หมายความว่า ไตโยนแพ้
แนะนำกระทู้
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/10/K7116798/K7116798.html
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7746928/K7746928.html
คนยองฮ้องคนเมืองว่า "ลาว" น่อ ไผอู้กำเมือง คนยองจะว่า "อู้ลาว"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น