วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

    ทำไม ปิทาโกรัส ถึงเป็นทฤษฎี ไม่เป็น กฎ อ่ะครับ  

    สงสัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ
    ว่าทำไม ทฤษฎี 3 เหลี่ยมมุมฉาก ปิทาโกรัส ถึงเป็นแค่ทฤษฎี
    ทั้ง ๆ ที่ มันก็เป็นจริงตลอดกาล ไม่ใช่เหรอครับ

    ด้านตรงข้ามมุมฉากกำลังสอง = ด้านกำลังสอง+ด้านกำลังสอง

    ตกลงนิยาม ของ 2 คำนี้มันต่างกันยังไงครับ

    ขอบคุณล่วงหน้านนะครับ ^^

    จากคุณ : noutano    - [ 3 เม.ย. 52 09:44:25 ] 

    ความคิดเห็นที่ 2   

    ตอบตามความเข้าใจ (และความโง่) ส่วนตัวนะครับ

    เราเรียกทฤษฎีปิทาโกรัส เพราะฝรั่งเรียก Pythagoras' Theorem (แปลว่า ทฤษฎีของปิทาโกรัส)
    หรือ Pythagorean Thorem

    ตรงนี้พอเราเรียนวิทยาศาสตร์ เราจะได้ยินคำว่า ทฤษฎี
    ซึ่งในวิทยาศาสตร์เขาใช้คำว่า Theory (ไม่มี Theorem ในวิทยาศาสตร์นะครับ)
    แล้ววิทยาศาสตร์ก็มี กฎ หรือ Law
    คำว่า Law กับ Theory ในวิทยาศาสตร์นี่แตกต่างกัน
    เพราะ Law เป็นข้อสรุป ส่วน Theory เป็นคำอธิบาย
    คุณมี Law ได้โดยที่คุณไม่ต้องมี Theory หรือมี Theory ที่ผิด
    และคุณมี Theory ได้โดยที่คุณยังไม่รู้ว่ามันจะมี Law หรือไม่

    พอมาในมุมคณิตศาสตร์นี่ เค้าไม่มี Theory แต่มี Theorem
    ซึ่งไม่ว่าจะเป็น Theorem หรือ Law ในทางคณิตศาสตร์
    ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์มาแล้วว่าเป็น "จริง" ทุกกรณี
    ฉะนั้นคุณจะเรียกว่า Pythagorean Law ก็ได้ครับ (แต่ไม่มีใครเขานิยมกัน)
    ทำนองเดียวกับไม่มีใครนิยมเรียก Theorem of Sine แต่เรียก Law of Sine.

    พอเป็นภาษาไทยไม่ว่าจะ ~rem, ~rems, ~ry, ~ries มันก็ใช้ในชื่อเดียวกันว่า "ทฤษฎี"
    ก่อให้เกิดความสับสันได้พอหอมปากหอมคอ 


    จากคุณ : ศล    - [ 3 เม.ย. 52 10:56:55 ] 

 
 

    ความคิดเห็นที่ 6   

    ขออนุญาต...ตามความเข้าใจของผมบ้าง


    law คือ กฎ คือความเป็นจริงของธรรมชาติ ไม่มีทางแปรเปลี่ยนได้ มีอยู่เสมอมา เราอาจยังค้นพบไม่หมด

    theory คือ ทฤษฎี คือคำอธิบายในปรากฏการณ์ต่างๆได้ใกล้เคียงที่สุด อาจผิดพลาดได้ ถ้าถูกต้อง คือเราพบ law ใหม่ (แต่จริงๆมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว)

    theorem คือ ทฤษฎีบท ใช้ในเชิงคณิตศาสตร์ กล่าวถึง คำพูด สูตร หรือใดๆก็ตามแต่ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง (ไม่ใช่กฎ เพราะมันเกิดมาจากกฎอีกที งงไหม?  นั่นคือ ใครๆก็ตั้ง theorem ขึ้นมาได้ หากพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นจริง)

    ^
    |
    |
    |
    |
    จิ้มไปที่ คคห.2

    คนิตศาสตร์ไม่มี theory????

    ตัวอย่าง theory ในคณิตศาสตร์

    - Number Theory, Field Theory, Game Theory, Probability Theory (อันนี้คุ้นกันบ้างไหม?? ภาษาไทยแปลว่า ทฤษฎีความน่าจะเป็น)

    Law ทางคณิตศาสตร์ ยอมรับกันว่ามี 4 fundamental laws

    นั่นคือ..... กฎแห่งการ บวก ลบ คูณ หาร นั่นแล

    ตัวอย่าง   m + n  = n + m 

    พอจะเคลียร์มั้ยครับ???

    ตอบคุณเจ้าของกระทู้บ้าง....

    ที่เราไม่เรียก theorem เหล่านี้ว่าเป็นกฎ  เพราะว่า มันเอาไว้ใช้ในทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นจริงเสมอ และแนวคิดพื้นฐาน มันก็เกิดมาจากกฎ 4 ข้อพื้นฐาน มิฉะนั้นแล้ว เราก็คงมีกฎทางคณิตศาสตร์ที่ไม่รู้จบ

    ยกตัวอย่าง พิทาโกรัส บอกว่า a ยกกำลังสอง + b ยกกำลังสอง = c ยกกำลังสอง

    แล้วพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง


    นาย Fermat ก็เอากะเค้าบ้างว่า a ยกกำลัง n + b ยกกำลัง n = c ยกกำลัง n (ให้ n มากกว่า 2)

    (ขอโทษนะครับ พิมพ์ยกกำลังไม่เป็น)

    มันก้อไปเรื่อย ไม่จบซะที

    แต่ของข้างบนนั้น กลายเป็น (อดีต) โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากที่สุดในโลกนะครับ นักคณิตศาสตร์ดังๆทั่วโลกพิสูจน์กันแทบตายยังไม่ได้

    แต่สุดท้ายแล้ว ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงในทุกกรณี

    พอจะคลายความสงสัยได้มั้ยเอ่ย 


    จากคุณ : *+*PretendeR*+*  - [ 3 เม.ย. 52 14:10:06 ] 

    ความคิดเห็นที่ 7  

    หลังมา(จริง ๆ ก็เกินสิบปี) ในตำราคณิตศาสตร์ของไทย หลายเล่ม อ.ผู้เขียน เขาก็แปล theorem ว่าเป็น"ทฤษฎีบท" นะครับ ไม่ใช่ทฤษฎี(เฉย ๆ) แต่คนก็ไม่ค่อยเรียกกัน

    ถ้าเรียก Theorem เป็น ทฤษฎีบท ทุกครั้งผมว่า น่าจะลดความสับสนของการใช้ภาษาไทยได้ เวลาสอนเด็กจะได้สอนไปเลยว่า ทฤษฏีบทกับกฎจะเป็นจริงเสมอ ส่วนทฤษฎี(เฉย ๆ)ต้องรอการพิสูจน์ก่อน 


    จากคุณ : .. - [ 3 เม.ย. 52 14:10:57 A:125.26.91.47 X: TicketID:045457 ]

ที่มา




ไม่มีความคิดเห็น: