เมื่อก่อนผมคิดเพียงว่า จะต้องเป็นหมอที่ดี และเป็นหมอที่เก่ง
ตอนนั้นคิดอยู่แค่สองคำนี้ สุดท้ายจึงค้นพบอีกคำหนึ่งว่า
ต้องเป็นหมอที่มีความสุขด้วย จึงจะเกิดพลังในการทำงาน
หมอนิวัฒน์ชัยเกริ่นให้ฟังว่า 50% ของผู้ป่วยที่เดินทางมาพบแพทย์
สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า เป็นผู้เจ็บป่วยทั้งกายและใจ
โดยบางรายเกิดจากอาการเครียด จึงส่งผลกระทบไปถึงไปถึงระบบทางกาย
ฉะนั้นการรักษาด้วยเวชภัณฑ์เพียงอย่างเดียวจึงไม่พอ
ต้องใช้การบำบัดเยียวยาทางใจควบคู่ด้วย
การรักษาทางใจในความหมายของหมอนิวัฒน์ชัย
คือการเข้าถึงความรู้สึกผู้ป่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจ
มองเห็นทุกข์ของผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยคนเป็นหมอต้องลดอัตตา และมีสำนึกในการเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู่มีบุญคุณ
"ถ้าหมอลดตัวลงได้ ก็จะรับรู้ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการได้ยินเสียง
ที่ไม่ได้ยินจากคนไข้ (The Silence Sound)
ไม่ว่าจะเป็นเสียงแห่งความทุกข์ สีหน้า แววตา
คนเป็นหมอจึงต้องเรียนรู้ที่จะฟังให้ลึก ฟังโดยไม่ตัดสิน
ซึ่งเป็นศิลปชั้นสูงในการรักษา"
"บางทีการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ก็ทำให้หลงตัวเอง
คิดว่าเป็นเทวดา เพราะสั่งคนไข้ได้ สั่งญาติได้ สั่งได้หมด
ทุกคนอยู่ใต้อาณัติของแพทย์
ฉะนั้นการเรียนการสอนจึงทำให้เรากลายเป็นคนไม่ติดดิน
โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง"
หมอนิวัฒน์ชัยเห็นว่า ขบวนการผลิตแพทย์ ออกมารับใช้สังคมนั้น
จำเป็นต้องทบทวนใหม่ ตั้งแต่ระบบคัดกรองคน ปรับปรุงหลักสูตร
ปลูกฝังศิลธรรมประจำใจ หาไม่แล้ววิชาชีพแพทย์จะตกต่ำ
จนไม่สามารถกู้วิกฤตศัทธาคืนมาได้
"ธรรมชาติของคนเรียนแพทย์ คือคนที่มีไอคิวสูง
อ่านหนังสืออย่างบ้าเลือด เพราะถูกหล่อหลอมให้แพ้ไม่เป็น
จึงหลงอยู่ในอำนาจ ซึ่งเป็นระบบที่ผิดพลาดมาจนทุกวันนี้"
จากโพสทูเดย์
ตอนนั้นคิดอยู่แค่สองคำนี้ สุดท้ายจึงค้นพบอีกคำหนึ่งว่า
ต้องเป็นหมอที่มีความสุขด้วย จึงจะเกิดพลังในการทำงาน
หมอนิวัฒน์ชัยเกริ่นให้ฟังว่า 50% ของผู้ป่วยที่เดินทางมาพบแพทย์
สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า เป็นผู้เจ็บป่วยทั้งกายและใจ
โดยบางรายเกิดจากอาการเครียด จึงส่งผลกระทบไปถึงไปถึงระบบทางกาย
ฉะนั้นการรักษาด้วยเวชภัณฑ์เพียงอย่างเดียวจึงไม่พอ
ต้องใช้การบำบัดเยียวยาทางใจควบคู่ด้วย
การรักษาทางใจในความหมายของหมอนิวัฒน์ชัย
คือการเข้าถึงความรู้สึกผู้ป่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจ
มองเห็นทุกข์ของผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยคนเป็นหมอต้องลดอัตตา และมีสำนึกในการเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู่มีบุญคุณ
"ถ้าหมอลดตัวลงได้ ก็จะรับรู้ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการได้ยินเสียง
ที่ไม่ได้ยินจากคนไข้ (The Silence Sound)
ไม่ว่าจะเป็นเสียงแห่งความทุกข์ สีหน้า แววตา
คนเป็นหมอจึงต้องเรียนรู้ที่จะฟังให้ลึก ฟังโดยไม่ตัดสิน
ซึ่งเป็นศิลปชั้นสูงในการรักษา"
"บางทีการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ก็ทำให้หลงตัวเอง
คิดว่าเป็นเทวดา เพราะสั่งคนไข้ได้ สั่งญาติได้ สั่งได้หมด
ทุกคนอยู่ใต้อาณัติของแพทย์
ฉะนั้นการเรียนการสอนจึงทำให้เรากลายเป็นคนไม่ติดดิน
โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง"
หมอนิวัฒน์ชัยเห็นว่า ขบวนการผลิตแพทย์ ออกมารับใช้สังคมนั้น
จำเป็นต้องทบทวนใหม่ ตั้งแต่ระบบคัดกรองคน ปรับปรุงหลักสูตร
ปลูกฝังศิลธรรมประจำใจ หาไม่แล้ววิชาชีพแพทย์จะตกต่ำ
จนไม่สามารถกู้วิกฤตศัทธาคืนมาได้
"ธรรมชาติของคนเรียนแพทย์ คือคนที่มีไอคิวสูง
อ่านหนังสืออย่างบ้าเลือด เพราะถูกหล่อหลอมให้แพ้ไม่เป็น
จึงหลงอยู่ในอำนาจ ซึ่งเป็นระบบที่ผิดพลาดมาจนทุกวันนี้"
จากโพสทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น