สวัสดีครับ :)
วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องชีวิตคุณลุงคนหนึ่งให้พี่ๆฟัง
ถึงแม้เค้าจะไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง
แต่ก็เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากในวิชาประสาทศาสตร์ปัจจุบันนะครับ
เอาเป็นว่าเป็นบุคคลโลกจารึกละกัน ^^
ชื่อของเค้าคือ Henry Gustav Molaison
แต่เพื่อความเป็นส่วนตัว (?) ทุกคนจึงเรียกติดปากมาเสมอว่า Mr. H.M. ครับ
จากคุณ : ตัวตุ่นตามัว - [ 10 เม.ย. 52 17:45:55 ]
แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 52 18:53:55คุณ H.M. เกิดที่ Hartford, Connecticut ในปี 1926
เค้าเกิดมาเป็นเด็กชายธรรมดาเหมือนคนทั่วๆไป
แต่จุดที่พลิกผันเค้าไปทั้งชีวิต เกิดเมื่อเขาอายุ 9 ขวบ
เมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานล้มลง ทำให้สมองกระทบกระเทือน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มีความผิดปกติของสมองที่เรียกว่าลมชักครับ
อาการลมชักนี้เอาง่ายๆว่าคือ circuit ไฟฟ้าในสมองมันเจ๊งครับ
คุณ H.M. เลยมีอาการชักอย่างอ่อนๆนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนช่วงหลังๆอายุเป็นวัยรุ่น อาการแย่มาก ชักนอนสต๊อปหยุดไม่ได้ยาเอาไม่อยู่ (หึหึ)
เมื่ออายุ 27 คุณแม่เลยพาไปหาหมอ Scoville ที่เป็น psychosurgeon เพื่อรับการผ่าตัดครับ
นี่เป็นรูปเดียวของคุณ H.M. ที่ค้นได้จากกูเกิ้ลนะครับ คุณ H.M. เกิดที่ Hartford, Connecticut ในปี 1926
เค้าเกิดมาเป็นเด็กชายธรรมดาเหมือนคนทั่วๆไป
แต่จุดที่พลิกผันเค้าไปทั้งชีวิต เกิดเมื่อเขาอายุ 9 ขวบ
เมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานล้มลง ทำให้สมองกระทบกระเทือน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มีความผิดปกติของสมองที่เรียกว่าลมชักครับ
อาการลมชักนี้เอาง่ายๆว่าคือ circuit ไฟฟ้าในสมองมันเจ๊งครับ
คุณ H.M. เลยมีอาการชักอย่างอ่านๆนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนช่วงหลังๆอายุเป็นวัยรุ่น อาการแย่มาก ชักนอนสต๊อปหยุดไม่ได้ยาเอาไม่อยู่ (หึหึ..)
เมื่ออายุ 27 คุณแม่เลยพาไปหาหมอ Scoville ที่เป็น psychosurgeon เพื่อรับการผ่าตัดครับ
สมัยก่อนไม่มี MRI ใช้นะครับ ลำบากนิดนึง ฟังดูเผินๆเรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดีใช่มั้ยครับ
แต่จริงๆแล้วเนี่ย สาขาการแพทย์ psychosurgery ในปัจจุบันนี่ไม่มีแล้วนะครับ
เพราะมันคือการรักษาผู้ป่วยจิตเวชด้วยการเฉือนสมองทิ้งครับ -*-
อ้ากก เมื่อก่อนเค้าทำกันยังงี้จริงๆนะครับ ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า (depression) นี่ก็ผ่าสมอง
อัตราการตาย 6% ครับ ผลข้างเคียงคือเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและการเข้าสังคมอย่างถาวร
(แล้วจะผ่าไปทำไมฟะ)
เมื่อคุณหมอระบุว่าอาการลมชักของคุณ H.M. นั้นมีตำแหน่งอยู่ ณ จุดจุดนึง
เรียกว่า medial temporal lobe (ด้านในของซีรีบรัมกลีบข้างขมับ?)
คุณหมอเลยจัดการใช้ที่แซะน้ำแข็ง (ice picking) มาแงะสมองส่วนนั้นออกครับ
เนื้อสมองส่วนนั้นเลยหายไปประมาณ 8 cm
หลังจากนั้นคุณ H.M. ก็ไม่ต้องประสบปัญหาลมชักอีกเลย เย้! คุณหมอเก่งจริงๆเลยครับ
การผ่าตัดสมัยก่อนที่เรียกว่า psychosurgery นะครับ น่ากัวโคด ยังครับ ถ้าจบแค่นี้ก็ไม่รู้จะตั้งกระทู้ทำไม แหะๆ
แต่หลังจากนั้นเนี่ย คุณ H.M. เลยมีอาการแปลกๆที่ทางการแพทย์ใช้คำว่า
anterograde amnesia ครับ
พูดง่ายๆคือ เค้าจำอะไรใหม่ๆไม่ได้เลยยยยย แม้แต่นิดเดียว
ตื่นมาปุ๊บ จำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่ได้
เดินไปเข้าห้องน้ำไม่ได้ จำทางไม่ได้ทั้งๆที่เคยไปมาแล้ว
เคยดูหนังเรื่อง 50 first date มั้ยครับ นางเอกบลูเบอร์รี่มัว (ผมเรียกชื่อเค้าไม่เคยถูกอะ) ก็เป็นแบบนี้
หรือในการ์ตูนเรื่องนีโม่ ปลาดอรี่สีฟ้าๆนี่ก็เป็นแบบนี้ครับ แป๊บๆลืม แป๊บๆลืม
คุณ H.M. ไม่สามารถจดจำเรื่องราวใหม่ๆหลังอายุ 27 ได้เลย
พูดง่ายๆคือเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับอดีตก่อนหน้านั้นอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ
จนมี quote สุดฮิตของคุณ H.M.ที่ textbook neuroscience ต้องเขียนเอาไว้ว่า
"everyday is alone by itself" - ทุกๆวันของผมไม่มีเมื่อวาน วันนี้ หรือวันพรุ่งนี้
ชีวิตของคุณ H.M. เป็นแบบนี้จนถึงปีที่แล้ว เมื่อเขาเสียชีวิตในสถานสงเคราะห์เมื่ออายุได้ 82 ปี
rest in peace นะครับ ;(แต่ตลอดเวลา 55 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของคุณ H.M. ก็เปลี่ยนไป
นักวิทยาศาสตร์มากมายได้เข้ามาทำการวิจัยกับเขา
ความรู้ทางด้านสมองได้ถูกต่อยอดเป็นอย่างมาก มีเปเปอร์ออกมานับไม่ถ้วน
และองค์ความรู้ที่ได้จากคุณ H.M. ก็ทำให้วิชา cognitive neuroscience
วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการนึกคิด หรือ ปริชานศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์พุทธิปัญญา -*-
เป็นสาขาทางด้านประสาทวิทยาที่เป็นที่ศึกษามากที่สุดในปัจจุบันครับ
เอาล่ะเกริ่นมาตั้งนาน theme หลักของกระทู้นี้คือเรื่อง 'ความจำ' ครับ
เดิมนักวิทยาศาสตร์ (นานมากแล้ว) เชื่อว่า สมองของเรา ส่วนไหนๆก็เอาไว้ใช้จำเหมือนกันหมด
แต่จากเหตุการณ์ของคุณ H.M. และผู้ที่ถูกตัด medial temporal lobe ออกไปเหมือนกัน
แล้วมีอาการปรากฎเหมือนกันเนี่ย เค้าเลยตั้งสมมุติฐานใหม่ครับว่า
สมองแต่ละส่วน มีบทบาททางด้านความจำที่แตกต่างกันครับ อันนี้เป็นคลิปในยูทู้บนะครับ 'a man with 30 second memory'
มีคนมาคอมเมนต์บ้างว่า ชั้นไม่เชื่อแกหรอก
ทำไมยังเล่นเปียโนได้ ทำไมยังจำชื่อคนอื่นๆได้ ทำไมยังกินได้อย่างมีมารยาท บลาๆ
นั่นเป็นเพราะว่าทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้ใช้สมองส่วนฮิปโปแคมปัสไงครับ :)
ง่ะ ผมแปะคลิปไม่เป็นอะ..บอกแล้วครับว่าโง่คอม 55
http://www.youtube.com/watch?v=WmzU47i2xgw
url นะคับ :)บั้นปลายชีวิตของคุณ H.M. อยู่ที่ nursing home แห่งหนึ่ง
โดยมีนักวิทยาศาสตร์และคุณหมอเข้ามาเชคสุขภาพและตรวจนู่นนี่นั่นเป็นระยะๆ
เขาป่วยเป็นกระดูกพรุนเพราะผลข้างเคียงของยาที่ใช้รักษาลมชัก นอกนั้นคุณปู่ H.M. ก็แข็งแรงเป็นปกติ
และเพราะเขาจำ skill ได้บ้าง เขาจึงช่วยงาน nursing home ได้นิดๆหน่อยๆ
ถึงแม้ว่าจะจำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไป งานที่ทำมีลักษณะยังไงก็เถอะ !
คุณหมอประจำตัวเขา Dr.Chokin เขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับคุณ H.M. เรื่อง
"a lifetime without memory" กล่าวว่า
He was like a family member,
You’d think it would be impossible to have a relationship
with someone who didn’t recognize you, but I did.”
ท้ายที่สุดแล้วสมองของคุณ H.M. หลังเสียชีวิตได้ถูกเก็บไว้และศึกษา
เช่นเดียวกับสมองของนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นๆเช่นไอน์สไตน์
คุณ H.M. เสียเมื่อปลายปี 2008 ไม่มีลูกซักคน
แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือรากฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งครับ :)
______________________THE END________________________
ปล. ขี่จักรยานระวังอย่าให้ล้มแล้วกระแทกสมองนะครับ
แฮปปี้สงกรานต์คร้าบ ~
แปลและเรียบเรียงจาก
http://www.neurosciencenews.com/hm-dies-amnesia.htm
http://neurophilosophy.wordpress.com/2007/05/25/remembering-henry-m/
อนันต์ ศรีเกียรติขจร, ศักนัน พงศ์พันธุ์ผู้ภักดี : neuroscience for medical studentsโดยรวมๆผมว่าน่าจะเป็น concept ใหม่ของการทำงานของสมองกับความจำนะครับ
เมื่อก่อนเค้าเชื่อว่าสมองส่วนไหนๆก็จำได้เหมือนกันทั้งนั้นแหละ
แต่ปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันถูกระบุตำแหน่งได้ชัดเจนมากขึ้นครับ
อย่างประสบการณ์ และความรู้ อยู่ที่ medial temporal lobe ใช่มั้ยครับ
แต่ถ้าเป็นการจำฝังใจด้วยอารมณ์ไปแสนนาน ก็จำด้วย amygdala
หรือถ้าจำแบบ skill ก็อยู่ที่ cerebellum ไรเงี้ยครับ
อีกอย่างหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องของ short term และ long term ที่มันแยกตำแหน่งกันอะครับ
มีความจำอย่างหนึ่งที่เรียกว่า priming ครับ อันนี้ก็ถูกควบคุมอีกที่นึง
คือความจำที่เข้ามาโดยไม่รู้ตัวแต่มีผลต่อพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าทดลองให้คนดูหนัง แล้วฉายภาพโค้กขึ้นมาแป๊บๆๆๆ 0.3 วินาที
ด้วยความเร็วที่ตาเราจับแทบไม่ทันมาครั้งนึงแล้วเนี่ย
ผลปรากฎว่าพอคนออกมาจากโรงยอดขายโค้กจะเพิ่มขึ้นครับ
โฆษณาทางทีวีที่อเมริกาช่วงนึงก็ชอบทำแบบนี้ ปรากฏว่าต่อมาผิดกฏหมายครับ :)
อย่างเดจาวู ที่หว้ากอชอบพูดบ่อยๆเนี่ย
เอาเข้าจริงก็เป็นรูปแบบนึงของลมชักที่ temporal lobe ครับ (temporal epilepsy)
คห. 22 ถ้าอยากมองให้เป็นรูปม้าน้ำต้องมองรูปหน้าตัดที่ คห. 14 แล้วเอามาขยายแบบนี้คร้าบ
ภาพฮิปโปแคมปัสขยาย คห. 14 แล้วมองให้เป็นรูปม้าน้ำนะครับ สมัยก่อนโหดจริงๆ ลมชักที่ไหนก็ตัดตรงนั้นทิ้งเลยทีเดียว เคยได้ยินว่ามีเคสที่ตัด frontal lobeด้วยนิครับ เปลี่ยนพฤติกรรมไปเลย
เคยมีเคสอาจารย์ถ่ายวีดีโอเอาไว้ เป็นเคสที่ Corpus callosum ที่เชื่อมสมองส่วนซีกถูกทำลาย ปรากฏว่ามีอาการมือเอเลี่ยน พอบอกให้ยกมือซ้าย มือขวาก็จะยกมาปัดๆมืออีกข้างตลอด ดูแล้วสยองพิกล
นี่ไงครับ ม้าน้ำฮิปโปแคมปัสจากตำนานกรีก สมองส่วนนี้น่าจะไปเหมือนหางของมัน เลยเอาชื่อมาตั้ง ตรงม้วนๆนั้น เขาก็มีชื่อเรียกด้วยว่า Cornu Ammonis แปลว่า เขาของเทพเจ้า Ammom
เหมือนไหมล่ะครับ อิอิ คนตั้งชื่อช่างมีจินตาการเสียจริง
จากคุณ : ธัมมนันทิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น