วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

แบบนี้ถึงจะเรียก . . . อัจฉริยะ

คัดลอกมาจากกระทู้ของ คุณลูกไก่พองลม

เห็นกระทู้ล่างสงสัยว่าตนเองเป็นอัจจริยะหรือเปล่า เลยขอแตกประเด็นมา เพราะเพิ่งได้อ่านประวัติย่อ ๆ ของยอดอัจฉริยะ 10 คน
 ขอถือโอกาสเอามาฝากเป็นตัวอย่างประกอบการพิจารณาความเป็นอัจฉริยะของทุกท่านค่ะ wink

ภาพ/เรื่อง: wwwดอทoddeeดอทcom

    1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก 

    Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210 

    คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี  เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน  สเปน เวียดนาม ตากาลอก  เยอรมัน อังกฤษ  ญี่ปุ่น และเกาหลี 

    คิมเป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 - 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับปริญญาเอกอีกเช่นกัน 


    จากคุณ : ลูกไก่พองลม    - [ 17 เม.ย. 52 09:33:44 ] 

    2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี

    Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ  ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิเด็ก  

    Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจในระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail  Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย

    จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ...มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ซะทีนั่นเอง 
    haha

     
     

    3.  Akrit  Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ

    Akrit  Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า "เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก" เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน  

    Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน  Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีกครั้ง  ขณะนี้ Akrit  กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน

     
     

    4. Cleopatra  Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง 

    Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม  2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า"At the age of 3" และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก  เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมาเนีย

    5.  Aelita  Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ

    ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne's Fitzroy 

    Mark Jamieson  ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะจัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป

     
     

    6. Saul Aaron Kripke: Harvard เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล

    Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha  รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา 

    Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า "แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า" และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

    Kripke ได้รับรางวัล Schock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 09:56:02

     
     

    7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์ 

    หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในโลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17   

    ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง 

    Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า "ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ"  อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ 

    ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 10:18:44 

    8. Fabiano Luigi Caruana:  แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด

    Fabiano  หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี  11 เดือน  20 วัน  ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี

     
     

    9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ 

    William  Joseph  Mosconi หรือเจ้าของฉายา "Mr. Pocket Billiards"  (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก  Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่  ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายังต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม

    ในปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf  แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ

    ในช่วงปี 1941-1957  Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship   ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool

     
     

    10. Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ

    สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina  เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง  คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึงโต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน  เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน  

    ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า "ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว"


    เรื่องบางเรื่องบางทีก็ต้องให้เด็กสอนนะคะ wink

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 09:51:27

     
     

    เยี่ยมครับ พี่ลูกไก่ หากนำคนพวกนี้มาจัดหมวดหมู่ตามทฤษฎีพหุปัญญาของ Prof. Gardner (อาจารย์ของหนูดี)น่าจะได้ดังนี้


    Kim Ung-Yong: ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence), ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)

    Gregory Smith: ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence), ปัญญาทางด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)

    Akrit  Jaswal : ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)

    Cleopatra  Stratan : ปัญญาด้านดนตรี ( Musical Intelligence )

    Aelita  Andre : ปัญญาทางด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence )

    Saul Aaron Kripke: ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence) 

    Michael Kevin Kearney: ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence) 

    Fabiano Luigi Caruana: ปัญญาทางด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence )

    Willie Mosconi: ปัญญาทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily kinesthetic Intelligence) 

    Elaina Smith: ปัญญาทางด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence) 


    จากคุณ : Cryptomnesia 

    ขอบคุณ คุณลูกไก่พองลม สำหรับกระทู้ค่ะ


    เราสนใจ 
    "การเลี้ยงดู" ที่พวกเขาได้รับตั้งแต่เกิดจังค่ะ ว่าแต่ละคนนั้น 
    เขาได้รับการเลี้ยงดูแบบไหน เราคิดว่า น่าจะเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่ง
    ที่ทำให้ความอัจฉริยะของพวกเขาแสดงผล..

    พูดง่ายๆ ก็คือ เราสนใจไปถึงผู้ปกครอง องค์ประกอบของครอบครัว
    องค์ประกอบในการเรียน(ทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน) ระหว่าง
    ช่วงการเติบโตของผู้เป็นอัจฉริยะเหล่านี้ค่ะ..

    เรื่องที่เคยอ่านและยังจำได้ ก็เรื่องของ เอดิสัน ค่ะ เด็กซึ่งครูได้
    สบประมาทไว้ว่า เป็นเด็กโง่(ประมาณนี้) แม่ของเขา จึงได้สอน
    เอดิสันด้วยตัวเธอเอง ทำให้เขาได้โอกาสเรียนรู้ต่อไป เราคิดว่า
    ถ้าเอดิสันไม่ได้แม่เช่นแม่ของเขา ก็อาจจะไม่เป็นเอดิสัน ที่เป็น
    ที่รู้จักกันในทุกวันนี้..

    อยากรู้ค่ะว่า มีอัจฉริยะคนไหนบ้างหรือไม่ 
    " ที่ถูกกระหน่ำให้
    เรียนหนังสือตามที่พ่อแม่สั่ง ตามที่มาตรฐานสังคมกำหนด "

    จนได้เป็นอัจฉริยะ(สมใจคนอื่น) .. 


    จากคุณ : Claymore 

    กหลายๆคนฉลาดในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากการเรียน หรือที่เรียกว่าพหุปัญญา

    ทฤษฎีพหุปัญญากล่าวถึงมนุษย์และความชาญฉลาดทั้ง ๘ ด้านของมนุษย์ ว่า

       * มนุษย์มีความฉลาดอย่างน้อย ๘ ด้าน
       * มนุษย์มีโอกาสที่จะพัฒนาพหุปัญญาได้ครบทุกด้าน
       * ปัญญา หรือความฉลาดทั้ง ๘ ด้าน ล้วนส่งผลถึงกันในลักษณะของการสนธิพลัง
       * ความถนัดอันเนื่องจากผลสะสมของการเรียนรู้ และพันธุกรรม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์มีความถนัดในปัญญาด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน
       * การปรากฏของมนุษย์แต่ละคนเป็นผลสังเคราะห์ของโยงใย และผลที่กระทำต่อกันของปัญญาทุกๆ ด้านที่มีอยู่ในตัวบุคคลซึ่งสังเคราะห์ออกมาเป็น profile ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล ซึ่งส่วนที่เป็นจุดเด่นของ profile ของแต่ละคนก็มักแสดงออกมาให้เห็น เป็นความโดดเด่นของปัญญาในด้านใดด้านหนึ่ง หรือชุดใดชุดหนึ่ง 


    พหุปัญญา 8 ประการ ได้แก่

    1. ปัญญาด้านภาษา หมายถึง ความสามารถในการคิดเป็นภาษาพูดและการใช้ภาษาเพื่อแสดงออก และมีความชื่นชอบใน ความหมายที่สลับซับซ้อนของภาษา

     กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านภาษา เช่น การใช้สัญลักษณ์ การอ่านแผ่นพิมพ์คอทพิวเตอร์ การโต้วาที การประพันธ์ การเล่า เรื่องขำขัน การกล่าวสุนทรพจน์ การอ่าน การเล่าเรื่อง การฟัง การฟังเทป การเขียนเรียงความ การเขียนรายงาน การเล่มเกมอักษรไขว้ การอ่านนิทาน/นิยาย การอ่านหนังสือสารคดี การอ่านหนังสือพิมพ์ การอ่านวารสาร การใช้อินเตอร์เนต การวิจัย การอ่านหนังสือทั่วไป การอ่านอัตชีวประวัติ และการทำบรรณานุกรม เป็นต้น

    2. ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์   ปัญญาด้านนี้ช่วยให้สามารถคิดตัวเลข คิดปริมาณ พิจารณาข้อสันนิษฐานและสมมติฐานต่าง ๆ และสามารถทำโจทย์คณิตศาสตร์ที่สลับซับซ้อนได้

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ เช่น การทายปัญหา การทำเค้าโครงเรื่องย่อ การจัดลำดับเหตุการณ์ การสร้างภาพ/ลวดลายต่าง ๆ การหาเหตุและผล การหาข้อแตกต่าง การแก้สมการ การคิดคำนวณ การเล่นเกม และการคิดเลขเศษส่วน เป็นต้น

    3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์   ช่วยปลูกฝังความสามารถในการคิดเป็นสามมิติ(กว้าง ไกล และลึก) สามารถสร้างภาพ เปลี่ยนภาพหรือ ปรับภาพได้ ทำให้สามารถพาตนเองและวัตถุต่าง ๆ ผ่านไปในระยะทางหรือที่ว่างได้ และสามารถสร้างหรือถอดรหัสหรือแปลความ ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในรูปของงานขีดเขียน(งานกราฟฟิก)ได้

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ เช่น การเขียนภาพ การวาดภาพ การเขียนการ์ตูน การแกะสลัก การต่อภาพ การเขียน แผนที่ การทำป้ายนิเทศเรื่องราว การดูวีดิทัศน์ การใช้สัญลักษณ์ การใช้ภาพโปสเตอร์ การดูและศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนัง การทำตุ๊กตาล้มลุก การสร้างรูปจำลอง การปะภาพกระดาษ การสเกตซ์ภาพ การทำโมบายล์ เป็นต้น

    4. ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย   ช่วยให้การจับต้อง หรือจัดการกับวัตถ ุและทักษะต่าง ๆ ทางกายภาพที่ละเอียดอ่อนได้

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การแสดงละคร การใช้ภาษาท่าทาง การเต้นรำ/การฟ้อนรำ การแสดงละครใบ้ การทัศนศึกษา การทำงานในห้องทดลอง การสัมภาษณ์ การเล่นกีฬา การเล่นเกม การแสดงออกบนใบหน้า เป็นต้น

    5. ปัญญาด้านดนตรี   ช่วยให้มีความรู้สึกไวเกี่ยวกับเสียงสูงต่ำ ทำนองเพลง จังหวะดนตรี และน้ำเสียง

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านดนตรี เช่น การแสดงบนเวที การร้องเพลง การเล่นดนตรี การใช้เครื่องดนตรี การรู้จังหวะดนตรี การแต่งเพลง การร้องเพลงประสานเสียง การเล่นดนตรีเครื่องสาย การเล่นดนตรีสากลสอง/สาม/สี่ชิ้น การทำจังหวะ การเต้นแร็พ การเต้นตามจังหวะเพลง การอ่านเพลงสวด การสวดมนต์ การอ่านทำนองเสนาะ เป็นต้น

    6. ปัญญาด้านรู้ผู้อื่น   หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านรู้ผู้อื่น เช่น การทำโครงงานเป็นกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำแผนภูมิ การสังเกต การปฏิสังสรรค์ การสนทนาสองคน การสนทนาหลายคน การโต้วาที การสื่อสาร การปะภาพกระดาษ การวาดจิตรกรรมฝาผนัง การเล่นกีฬา การเล่นเกม เป็นต้น

    7. ปัญญาด้านรู้ตนเอง   หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง หรือความสามารถในการสร้างและรับรู้ตนเองอย่างถูกต้อง และใช้ ความรู้นี้ในการวางแผนและชี้นำชีวิตตนเอง

           กิจกรรมเพื่อพัฒนาปัญญาด้านรู้ตนเอง เช่น การอ่านวารสาร การนั่งสมาธิ/วิปัสสนา การประเมินตนเอง การบันทึก การคิดทบทวน การคัดลอกข้อความ/คำคม/คำกล่าวเกี่ยวกับตนเอง การเขียนคำประพันธ์ การแปลความ การคิดฉับพลัน การสร้างกรอบ ความคิด การวางเป้าหมาย เป็นต้น

    8. ปัญญาด้านรอบรู้ธรรมชาติ
                       หมายถึง ความสามารถในการสังเกตรูปแบบการเป็นอยู่ของธรรมชาติ สามารถกำหนดและจัดหมวดหมู่ สิ่งต่าง ๆ และเข้าใจระบบที่เป็นธรรมชาติ และระบบที่มนุษย์ทำขึ้น


    ที่มา : 
    http://www.plearnpattana.com/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=92&Itemid=421

    http://www.geocities.com/kritsana_2002/newpage3.htm

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 22:11:54

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 18:18:31

    แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 52 18:17:37 

    จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* 



ไม่มีความคิดเห็น: